ปรารภธรรม:หนึ่งในร้อย
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
หนึ่งในร้อย
ชีวิตของคนๆหนึ่งกว่าจะพบกับความสำเร็จในชีวิตได้ จะใช้แต่ความทะเยอทะยานและใฝ่สูงตามความปรารถนาของตัวเองอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีตัวอย่างที่ดีงามและประทับใจ แล้วเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำความดีจนกระทั่งชีวิตงอกงามและเติบโต นั่นคือต้นลำธารของการที่ชีวิตของบุคคลนั้นจะสูงส่งและก้าวหน้าในชีวิต
สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดกำลังใจในการยืนหยัดอยู่ในทางที่ดีงามและสู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้ออย่างไม่รู้ลืม ก็คือละครทางโทรทัศน์เรื่อง "ทองเนื้อเก้า" ชีวิตของ "วันเฉลิม"ซึ่งเป็นตัวเอกของละคร คือกำลังใจอันยิ่งใหญ่ในการยืนหยัดเป็นหลักของครอบครัว ในขณะที่มีเงินเดือนจ่าอากาศเอกเพียง ๑,๗๘๐ บาทในสมัยนั้น
ความทุกข์ยากและภาระรับผิดชอบเกิดตั้งแต่รับเงินเดือนเดือนแรกแล้ว เนื่องจากทางบ้านเดือดร้อนต้องการเงิน ๒๐๐๐ บาทเป็นกรณีเร่งด่วน พูดง่ายๆก็คือ พอบรรจุรับราชการเงินเดือน ๑๗๘๐ บาท ก็เริ่มเป็นหนี้ ๒๐๐๐ บาทในเดือนนั้นทันที
ท่านทั้งหลายลองคิดดูเถิดว่าเด็กหนุ่มอายุ ๑๘ ปี ผ่านชีวิตอันลำเค็ญและเรียนจบปริญญามาด้วยเลือดตาแทบกระเด็นเพียงใด นี่ล่ะคือชีวิตคุรุอตีศะล่ะ ธรรมะที่ถ่ายทอดออกไปจึงมีแต่ของจริง ไม่ใช่ธรรมะในคัมภีร์หรือนั่งจินตนาการเอาแต่อย่างใด จึงขอให้ทุกคนใช้ธรรมะกับชีวิตจริงแบบนี้ แล้วธรรมะจะสถิตอยู่ในหัวใจไปตลอด
ยังนึกขอบคุณ ผู้ประพันธ์ ผู้สร้างบทละคร และสถานีโทรทัศน์สมัยนั้นที่สร้างละครเรื่องทองเนื้อเก้าในช่วงเวลานั้นพอดี ที่เหมือนเป็นยาคอยชุบกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ เมื่อต้องได้รับโทรเลขจากทางบ้านเกือบ ๕๐ ฉบับตลอดระยะเวลา ๓ ปีเมื่อครั้งอยู่อุบลราชธานี มีใจความเหมือนๆกันว่า "แม่ป่วยหนัก กลับบ้านด่วน" นั่นคือสภาพที่เด็กหนุ่มอายุ ๑๘ ปี ต้องได้เผชิญกับชีวิตอันแร้นแค้น ต้องวิ่งหายืมเงินคนไปทั่วกองบินสุดอายแสนอาย แต่ก็ต้องทนอับอายเพื่อให้มีเงินเป็นค่ารถกลับไปบ้าน แล้วยังต้องเหลือเงินอีกส่วนหนึ่งไว้ให้แม่ซื้อข้าวสาร กะปิ น้ำปลา พร้อมอุปกรณ์การเรียนของน้องสองคนที่อะไรก็ขาดแคลนไปทุกอย่าง
ละครเรื่องทองเนื้อเก้าคือตัวอย่างที่ดีงามและประทับใจมาก ในการทำให้เกิดกำลังใจสู้ชีวิตสมัยเริ่มรับราชการเมื่ออายุ ๑๘ ปี
การได้อ่านนวนิยายเรื่อง "ลูกทาส" ของรพีพร ทำให้เกิดแรงบันดาลใจว่าจะต้องเรียนกฎหมาย เหมือนไอ้แก้วทาสในเรือนเบี้ยผู้ไร้อนาคตและถูกเหยียบย่ำ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นเนติบัณฑิตไทยสมัยแรกของกระทรวงยุติธรรมสมัยนั้น ในที่สุดไอ้แก้วผู้ต้อยต่ำก็กลายเป็น "พระยารัตนอรรถชัย" ผู้เป็นตัวอย่างของคนรุ่นหลัง และชีวิตกลายเป็นตำนานอันอมตะจนทุกวันนี้
สมัยโหนรถเมล์จากดอนเมืองไปสนามหลวง เพื่อไปเรียนที่ "สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา" ซึ่งสมัยก่อนตั้งอยู่ด้านหลังศาลฎีกา ก็ได้กำลังใจจากเพลงประกอบละครคือเพลง "สุดแต่ใจจะไขว่คว้า" ที่เขาเปิดให้ผู้โดยสารฟังบนรถเมล์
ฟังแล้วก็ร้องในใจไปด้วย ด้วยความซาบซึ้งและประทับใจในเนื้อเพลง เพราะชีวิตจริงของตนเองก็กำลัง "ไขว่คว้าอนาคต"อยู่ไม่ต่างจากชีวิตในละคร เพลง"สุดแต่ใจจะไขว่คว้า" จะเป็นเพื่อนคอยปลอบใจและให้กำลังใจจนสอบไล่ได้สำเร็จเนติบัณทิตไทย
สมัยเป็นหนุ่มจะมีเพลงประจำตัวอยู่ ๒ เพลงคือ "รักฉันนั้นเพื่อเธอ" ของวงพิงค์ แพนเตอร์ กับเพลงอมตะโบราณอีกเพลงหนึ่งคือ "หนึ่งในร้อย" จะชอบร้องอยู่คนเดียวเพื่อปลอบใจตัวเองเหมือนกับทำกรรมฐานไปด้วย คือพอนึกถึงเพลงนี้แล้วจะมีพลังและมีความสงบมั่นคงขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก ตอนนั้นยังไม่ได้ไปวัดหนองป่าพง ก็อาศัยเสียงเพลงที่มีความหมายเหล่านี้คอยเป็นเพื่อนปลอบใจ ความรักที่ดีงามจะซ่อนอยู่ในเสียงเพลงเหล่านี้เอง
เนื้อร้องของเพลง "หนึ่งในร้อย" นั้นดีมาก แต่ตอนนี้จำไม่ค่อยได้แล้ว เพราะไปใช้ชีวิตพระปฏิบัติไม่ได้ฟังวิทยุและดูโทรทัศน์อีกเลยตลอดระยะเวลา ๑๐ ปี ทำให้อารมณ์โรแมนติคและความทรงจำเหล่านี้เริ่มหายไป แต่ก็ยังพอจำได้บ้าง หากใครจำเนื้อร้องได้แม่นยำ ก็ช่วยแก้ให้ด้วยแล้วกัน เพลงนี้เป็นเพลงที่สอนธรรมะเรื่องขันติบารมีได้อย่างซาบซึ้งและดีเยี่ยม
"พราวแพรวอันดวงแก้วแวววาว สดสีพราวสว่างพร่างความนิยม นิลกามุกดาบุษราคัมคม น่าชมว่างามเหมาะสมดี เพชรน้ำหนึ่ง..งามซึ้งพึงเป็นยอดมณี เกล็ดแก้วสดสี เพชรดีมีหนึ่งในร้อยดวง
ความดี คนเรานี่ดีใด มีน้ำใจที่ให้แก่คนทั้งปวง อภัย..รู้แต่ให้ไปไม่หวง เจ็บทรวง หน่วงใจให้รู้ทน รู้กลืนกล้ำ เลิศล้ำความเป็นยอดคน ชื่นชอบตอบผล ร้อยคนมีหนึ่งเท่านั้นเอย"
จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าชีวิตของคนๆหนึ่งจะประสบความสำเร็จในสิ่งใด หาใช่จะอาศัยแต่ความเก่งกาจของตัวเองเพียงอย่างเดียวไม่ แต่ต้องเป็นหนี้บุญคุณของหลายคนและหลายสิ่ง แม้กระทั่งละครและเสียงเพลงในการช่วยสร้างสรรค์และหล่อหลอมชีวิต
เราจึงควรน้อมคารวะต่อทุกสิ่งที่เราได้เกี่ยวข้องสัมผัสสัมพันธ์ ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะดีหรือร้าย เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งในการเป็นเบ้าหลอมให้ชีวิตของเราเข้มแข็งและมีวันนี้
ชีวิตของหลวงพ่อไม่ได้ราบเรียบและพบแต่สิ่งดีงามไปเสียทั้งหมด แม้แต่การสนใจไปกราบพระธุดงคกรรมฐานและได้รับเหรียญที่ระลึกจากท่านเป็นครั้งแรกในชีวิต ก็ด้วยคำพูดของสตรีผู้หนึ่งที่เคยผิดพลาดในเรื่องผู้ชายมาก่อนและมีชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลว เธอพูดว่า "พี่เหมาะที่จะบวชเป็นพระให้คนกราบไหว้ อยากให้พี่เป็นที่พึ่งทางใจของผู้คนเหมือนหลวงปู่..." นั่นคือสิ่งที่หลวงพ่อได้รับแรงบันดาลใจจากคำพูดของผู้หญิงคนหนึ่งที่สังคมตราหน้าว่าเป็นคนชั่ว
แม้แต่ตอนไปรักษาศีล ๘ เมื่อปี ๒๕๓๒ ที่วัดหนองบัว ประจวบคีรีขันธ์ ไม่มีค่ารถเดินทางกลับกรุงเทพฯ เนื่องจากไปอยู่วัดเป็นเดือนและเพิ่งลาออกใหม่ๆจึงขาดแคลนค่าใช้จ่าย ก็ยังได้ความเมตตาจากแม่ชีผู้เฒ่าผู้มีคุณธรรมช่วยกันรวบรวมเงินส่งค่ารถให้ พร้อมกับพูดว่า "ขอให้บวชค้ำจุนพระศาสนาให้โยมได้พากันกราบไหว้เถิดนะลูก" แม้ทุกวันนี้แม้ท่านเหล่านั้นจะล่วงลับไปแล้ว แต่ความดีและความมีน้ำใจจากท่านเหล่านั้นก็ประทับอยู่ในดวงใจไม่รู้ลืม
น้ำใจที่เพื่อนมนุษย์มอบให้สมัยที่ยังทุกข์ยาก ไม่ว่าจะเป็นแม่ชีผู้สูงส่งและทรงศีลหรือหญิงคนชั่ว ล้วนมีคุณค่าอันยิ่งใหญ่ที่วัตถุหรือเงินทองใดๆไม่อาจเทียบเทียมได้เลย
ขอให้เราทั้งหลาย จงรักษาดวงใจของเราให้ใสบริสุทธิ์เปรียบประดุจเพชรแท้ อย่าให้หัวใจต้องอ่อนแอหรือผันแปรไปตามกระแสคลื่นทั้งหลาย หากวันนี้ชีวิตของเรายังเต็มไปด้วยน้ำตาและสิ้นไร้คนเข้าใจ จงอดทนและมั่นคงในคุณธรรมความดีไว้
พยายามพากเพียรเพื่อเป็น "หนึ่งในร้อย" ให้จงได้ ชีวิตนี้จะพบกับความภาคภูมิใจและเข้าถึงคุณค่าแห่งความเป็นคนอย่างแท้จริง
คุรุอตีศะ
๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘