คุณค่าการรักษาศีล
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
คุณค่าการรักษาศีล
ทำไมจึงต้องรักษาศีล
นี้คือคำถามอันสำคัญและยิ่งใหญ่ที่หลายคนอยากถามแต่ไม่กล้าถาม การรักษาศีลของคนส่วนใหญ่จึงได้แต่พากันทำตามคนอื่นหรือทำตามประเพณี อานิสงส์ของการรักษาศีลจึงไม่เกิดผลอย่างเต็มที่ บางทีก็รักษาศีลด้วยความจำใจหรือรักษาศีลแบบขอไปที ต้องให้เจ็บป่วยหรือมีเคราะห์เสียก่อนจึงจะยอมทำ ศีลบารมีที่แท้จริงจึงยากจะเกิดขึ้นในชีวิต
“การรักษาศีล” คำนี้ ถ้าพูดให้คนสมัยนี้เข้าใจต้องพูดใหม่ว่า แท้จริงแล้วการรักษาศีลไม่ใช่เรื่องของพระหรือของคนเคร่งศาสนาที่คร่ำครึ แต่คือ “การปรับสมดุลของชีวิตให้กลับคืนสู่ความเป็นปกติ” หลังจากร่างกายและจิตใจต้องบอบช้ำยับเยินกับการวิ่งไล่ไขว่คว้าต่อสู้ดิ้นรนแก่งแย่งและวิ่งตามกระแสของโลกมานาน
การใช้พลังงานในการต่อสู้ดิ้นรนตามแรงปรารถนาความต้องการ เมื่อถึงจุดหนึ่งธรรมชาติจะตักเตือนโดยการเกิดการเจ็บป่วยทางร่างกาย หรือเจ็บป่วยทางจิตใจ เกิดความวิตกกังวล คิดมาก นอนไม่หลับ หงุดหงิดฟุ้งซ่านรำคาญ วุฒิภาวะทางอารมณ์เสื่อมถอย สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณสิ่งบ่งบอกว่า ชีวิตของเราขาดความสมดุลไปมากแล้ว ถึงเวลาต้องปรับสมดุลของชีวิตอีกครั้ง
ตามภูมิปัญญาในมิติที่เร้นลับซึ่งทางวิทยาศาสตร์ยังวิจัยไปไม่ถึงนั้น ผู้คนที่ใช้ร่างกายและจิตใจทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานหรือครอบครัวในทางโลกอย่างเต็มที่ เมื่ออายุเลย ๓๕ ปี ร่างกายและจิตใจจะบอบช้ำอยู่ภายในทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ทันสังเกตพบความเร้นลับในข้อนี้ ต่างคนต่างจะคิดว่าตัวเองแข็งแรงสบายดี จะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อไปนอนโรงพยาบาลเป็นเดือน แทนการรักษาศีลเพียง ๗ วัน เพื่อปรับสมดุลของชีวิตตามภูมิปัญญาแห่งบรรพกาล
เพราะความไม่เข้าใจภูมิปัญญาแห่งบรรพกาล และการถือเอาเรื่องเงินทองเป็นใหญ่กว่าการสร้างกุศลคุณความดี ผู้คนสมัยนี้ส่วนใหญ่จึงเลือกเอาวิธีเอาเงินไปให้หมอในโรงพยาบาลถึงสามแสน แทนการบริจาคทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ภพภูมิเพียงหมื่นเดียวในการสร้างอริยทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา
สามารถจะเก็บเงินเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศได้เป็นล้าน เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ แต่ไม่สามารถบริจาคเงินเพียงสองหมื่นบาทเพื่อทำทานบริจาคไว้ในพระศาสนาได้ เพราะไม่เชื่อว่าชาติหน้านั้นมีจริง
การไปเที่ยวพักผ่อนได้ความสุขสนุกสนานเพราะได้รับสิ่งที่ถูกอกถูกใจ แต่ไม่ได้บุญไม่ได้บารมีที่จะติดตัวเราอันเป็นอริยทรัพย์ กลับจากการไปเที่ยวมาแล้วก็นั่งเหงาและว้าเหว่ต้องพยายามเก็บเงินเพื่อไปเที่ยวใหม่
ส่วนการรักษาศีลคือการลดตัวลดตน ลดเกียรติที่ตนยึดติด มาใช้ชีวิตที่ติดดินคืนสู่ความเป็นสามัญแล้วได้ความสุขอันลึกซึ้งทางจิตใจ ความสุขเช่นนี้จะติดอยู่ในหัวใจจนวันตาย ที่ไม่มีความสุขจากการเที่ยวเตร่ชนิดใดมาแทนได้เลย
การอ่านหนังสือธรรมะ การฟังซีดีธรรมะเพียงอย่างเดียว เปรียบเหมือนการอ่านตำราทำกับข้าว แต่การกล้าลดตัวลดตนลงมาปฏิบัติธรรมรักษาศีลอยู่ในวัด เปรียบเหมือนการปรุงอาหารด้วยมือของตนเองแล้วรับประทานให้อิ่มและอร่อย
การรักษาศีลปฏิบัติธรรม ควรทำด้วยศรัทธา ทำด้วยความจริงใจและเต็มใจ อย่าไปตั้งเงื่อนไขหรือคิดแบบนักธุรกิจว่าเราจะต้องได้อะไร เพราะการหวังผลจะทำให้จิตไม่สะอาดบริสุทธิ์ อันจะทำให้อานิสงส์เกิดขึ้นน้อย ควรทำใจซื่อๆใสๆไร้เดียงสา อานิสงส์จึงจะเกิดยิ่งใหญ่
ในทางธุรกิจหรือในทางโลกแห่งวัตถุ เราจำเป็นต้องมีการคำนวณกำไรขาดทุนหรือสิ่งที่จะพึงได้รับไว้ล่วงหน้า แต่ในวิถีทางแห่งมิติทางจิตใจหรือทางศาสนา ต้องอาศัยศรัทธาและความไว้วางใจต่อความดีงามเป็นหลัก อานิสงส์จึงจะเกิดขึ้นเต็มเปี่ยม
แท้จริงแล้วการรักษาศีล คือการปรับสมดุลของชีวิตแบบภูมิปัญญาแห่งบรรพกาลที่ไม่ต้องอาศัยวัตถุเงินทองนำหน้า เป็นการเยียวยารักษาชีวิตและจิตใจด้วยมิติอันลี้ลับและงดงาม ที่สำคัญการบำเพ็ญศีลคือการสร้างพลังความก้าวหน้าของชีวิตได้อย่างน่าอัศจรรย์
และสำหรับผู้ไม่มีความลังเลสงสัยในชาติก่อนชาติหน้า การรักษาศีลคือขั้นตอนของการพัฒนาจิตวิญญาณแห่งภายใน เพื่อการบรรลุสมาธิอันเป็นความสุขที่มีปีติเปี่ยมล้น และเข้าสู่อาณาจักรแห่งความรักและปัญญาอันบริสุทธิ์ ของผู้เคยสร้างสมบุญบารมีมาหลายภพหลายชาติแล้วนั่นเอง
คุรุอตีศะ
๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๗