ใจดีแบบมีสติ

ใจดีแบบมีสติ

 

 

                การมองโลกในแง่ดีย่อมเกิดจากใจที่ดีงามและเป็นธรรมชาติ   แต่การมองโลกในแง่ดีเกินไปจนเกิดผลร้ายตามมา  มักเกิดจากการขาดสติปัญญาอันแยบคายในขณะนั้นมากกว่า

 

               การมองคนบางคนผิดไป การสำคัญผิด การเข้าใจผิด หรือความใจดีที่เกิดผลร้ายตามมาในภายหลัง  มักเกิดจากการขาดสติอันแยบคาย หรือในบางกรณี อาจเป็นเพราะวิบากกรรมบางอย่างที่จะต้องได้เสวย จึงให้มีบางสิ่งบางอย่างมาปิดบังสติปัญญา  ทำให้นึกไม่ออก คิดไม่ได้ คาดไม่ถึง  จึงตัดสินใจทำสิ่งนั้นลงไป   แล้วก็มักโทษว่า “เพราะมองโลกในแง่ดีเกินไป”

 

               การมองคนในแง่ดีหรือด้วยความเป็นมิตรไว้ก่อน เป็นจิตขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ธรรมชาติของมนุษย์ผู้มีใจสมบูรณ์ วัดจากความที่บุคคลนั้นมีความเป็นมิตรต่อผู้อื่นและมองโลกในแง่ดีมากน้อยเพียงใด   หากมองโลกในแง่ดีมากกว่า ชีวิตแต่ละวันจะราบรื่นปกติ

 

               หากมองโลกในแง่ร้ายเกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป  พึงประเมินตัวเองได้เลยว่า  เราได้ปล่อยจิตปล่อยใจให้อกุศลจิตครอบงำมานาน จนจิตใจของเราตกลงมาต่ำกว่าค่ามาตรฐานของความเป็นมนุษย์  เราจะกลายเป็นคนหนึ่งที่ช่างวิตกกังวลและคิดมากอย่างไม่ต้องสงสัย

 

             คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนใจดีแต่ขาดสติอันแยบคาย  จะกลายเป็นคนอ่อนแอและมักถูกครอบงำจากคนพาลหรือคนที่ไม่มีศีลได้ง่าย  เนื่องความใจดีในลักษณะนั้นเป็นความอ่อนแอทางจิตใจ  ส่วนใหญ่มักเป็นคน “ไม่กล้าเปลืองตัว”ในการยืนหยัดในจริยธรรมความดีงาม ยอมเลือกฝืนใจตัวเอง แต่ไปเอาใจคนอื่น ทั้งๆที่ในลึกๆก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาทำในสิ่งผิดหรือไม่ถูกต้อง

 

                คนดีที่ขาดความกล้าหาญและไม่กล้าเปลืองตัวในการยืนบนหลักการของตัวเอง คนประเภทนี้ไม่สมควรให้เป็นผู้นำหรือปกครองคนหมู่มาก เพราะจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคนประจบสอพลอ     จะไม่มีลูกน้องที่รักและซื่อสัตย์อย่างแท้จริงช่วยค้ำจุน ยามหมดอำนาจวาสนาหรือไม่มีประโยชน์บริวารก็ย่อมจากไป  เนื่องจากขาดความรักความจริงใจและการทุ่มเทต่อเพื่อนมนุษย์  ในที่สุดก็ไม่ได้รับความจริงใจจากใครอันเป็นไปตามกฎความเป็นธรรมดา

 

               การที่คนดีมากมายไม่กล้าเปลืองตัว  มาจากการรักตัวเองมากเกินไป  “กลัวว่าคนอื่นจะว่าเราไม่ดี” นี้คือจุดอ่อนของคนดีทั้งหลาย  ที่ทำดีมากมายแต่ก็ไปไม่ถึงฝั่ง

 

               คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต  ไม่ใช่คนที่คอยแต่จะเป็นคนดีของใคร  แต่คือคนที่มองเห็นสิ่งใดที่ดีงามและเป็นประโยชน์ต่อตนและคนอื่น ก็มุ่งมั่นทำต่อไปไม่ย่อท้อ  ไม่ใส่ใจว่าใครจะว่าตัวเองชั่วหรือเลวอย่างไร  ใครจะว่าอย่างไรก็ปล่อยให้เขาว่าไป  จนกระทั่งวันหนึ่งงานที่ทำนั้นบรรลุผลสำเร็จแล้ว  ทุกคนก็ย่อมชื่นชมและสรรเสริญไปเอง  นี้คือวิถีแห่งความสำเร็จ

 

               คนที่ในสายตาของใครๆมองว่าเขาเป็นคนดี  แต่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตเท่าที่ควร ทั้งที่โอกาสมาถึงแล้วแต่คว้าเอาไว้ไม่ได้หรือย่อท้อไปเสียก่อน  ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะขาดความกล้าหาญในช่วงสำคัญที่จะต้องตัดสินใจในสิ่งที่ควรตัดสินใจลงไปในช่วงเวลานั้น

 

              เปรียบได้กับชายหนุ่มที่รักผู้หญิง มัวเอาแต่คิดมาก ไม่กล้าสารภาพรักหรือขอแต่งงานในเวลาที่ความรักกำลังสุกงอม  หรือหญิงสาวที่มีชั้นเชิงมายาซับซ้อนมากเกินไป  เมื่อผู้ชายมาสารภาพรักหรือขอแต่งงานก็ไม่ยอมตกลงปลงใจ  สุดท้ายผู้ชายหรือผู้หญิงประเภทนี้ก็เลือกคู่ผิดพลาด  เพราะไม่มีความกล้าหาญในการที่จะฉวยเอาโอกาสอันมาถึงแล้วไว้ในกำมือตน

 

                การมองโลกในแง่ดีแต่มีสติ  คือการที่มีหัวใจมีเมตตามีความเป็นมิตรต่อเพื่อนมนุษย์ แต่ก็มีไหวพริบปฏิภาณรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรสักแค่ไหน  ไม่ใช่มีใครมายกยอปอปั้นก็เคลิบเคลิ้มใจดีกับเขาเรื่อยไป  อย่างนั้นอาจไม่ใช่การมองโลกในแง่ดีตามที่นักปราชญ์ท่านสอนไว้  แต่อาจเข้าข่ายกลายเป็น “ความโง่แบบไม่ตั้งใจ” หรือ การขาดสติปัญญาอันแยบคายแต่ยังหลงคิดว่าตัวเองเป็นคนใจดีอย่างนี้ก็มีอีกเหมือนกัน

 

                มีผู้คนจำนวนมากที่ใช้ธรรมะกลับหัวกลับหางแล้วก็มาอ้างว่า “เพราะตัวข้าพเจ้านี้มองโลกในแง่ดีเกินไป  จึงหลวมตัวพลาดไปถึงเพียงนี้”  อย่างนี้ก็มี ความจริงแล้วบางทีก็ไม่ใช่เรื่องการมองโลกในแง่ดีอะไร  แต่คือการอยากจะได้อะไรอะไรมาง่ายๆโดยไม่ต้องออกแรงหรือฉลาดเกินไปจึงพลาดโอกาสมากกว่า

 

                 ตอนหลังก็เลยกลายเป็นคนระแวงคนหรือชอบมองคนในแง่ร้าย โดยอ้างว่า “เพื่อความรอบคอบจะได้ไม่ต้องมาเสียใจ”  แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับความเสียใจรอบใหม่ เพราะผลจาก “การมองโลกในแง่ร้าย”เลยต้องพลาดจากคนที่จริงใจหรือโอกาสดีๆให้มีอันหลุดลอยไปตามเคย

 

                การมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ให้มีความสุข  เราต้องมองคนในแง่ดีและให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ว่าเขาจะมีความซื่อสัตย์และจริงใจต่อเราเป็นอันดับแรก  หากต่อมาเขาทรยศหรือหมดความจริงใจที่เคยมีต่อเรา  เราก็ยอมรับในการกระทำและการตัดสินใจของเขา  แล้วเราก็ยังคงความบริสุทธิ์และมีความใจให้เพื่อนมนุษย์ทุกคนต่อไปเหมือนเดิม

 

                 การมองโลกในแง่ดีต้องประกอบด้วยความเป็นผู้มีสติกำกับ  จิตเช่นนั้นจะแยกแยะได้เองโดยอัตโนมัติว่าในเวลานี้ควรเป็นผู้รับหรือควรเป็นผู้ให้  ในช่วงใดที่ต้องอยู่อย่างผู้บำเพ็ญความสันโดษหรือว่าต้องเมตตากรุณาเกื้อกูลใคร  ในยามใดที่ต้องทุ่มเทชี้แนะแนวทางให้แก่เขาอย่างสุดหัวใจหรือว่าถึงเวลาที่ควรจะปล่อยวางให้เขาเป็นไปตามวิบากกรรม

 

                 ผู้มีความรักแท้และความจริงใจต่อเพื่อนมนุษย์  ต้องกล้าตักเตือนไม่กลัวว่าเขาจะโกรธ หากทางที่เขาเดินไปนั้นจะตกเหว  ต้องห้ามปรามหากเขาเดินผิดทางแม้เขาจะหันมาด่าด้วยความขัดใจว่าตัวเรานี้เป็นคนเลว  เขาจะว่าเราเป็นคนดีหรือคนเลวก็ปล่อยให้เขาว่าไป  ขอเพียงให้เขาพลาดตกเหวได้เท่านั้นเป็นพอ

 

                  นี้คือวิถีของผู้มีหัวใจมองโลกในแง่ดีที่มีสติกำกับพร้อมทั้งมีรักอันเที่ยงแท้  หัวใจเช่นนี้ย่อมไม่มีความผันแปร ไม่ว่าคนที่เรารักจะก้าวเดินอย่างปลอดภัยหรือตกเหว  เมื่อเขาปลอดภัยและมีความสุขเราก็ปลื้มปีติและสุขใจ  หากเขาตกเหวลงไป  ก็พยายามหย่อนเชือกลงไปใหม่  เผื่อเขายังมีลมหายใจแล้วพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมา

 

                 จงเป็นผู้มองโลกในแง่ดีอย่างมีสติ  แล้วชีวิตนี้จะมีความสุขและเกิดความกล้าหาญ สามารถบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมและผู้อื่นได้มาก  เป็นชีวิตที่อุดมด้วยความรักและปัญญา  เป็นหัวใจที่กล้าแกร่งประดุจเพชรกล้า ที่สามารถเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้เสมอและตลอดไป

 

 

                                                                             คุรุอตีศะ

                                                                  ๑๕  พฤศจิกายน  ๒๕๕๗