ลอยกระทงแบบปล่อยวาง
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ลอยกระทงแบบปล่อยวาง
ลอยกระทงทุกปีคนส่วนใหญ่มักมุ่งทำกิจกรรมกันเพื่อความสนุกสนาน เพลงลอยกระทงซึ่งเป็นเพลงอมตะของวงสุนทราภรณ์ จึงเป็นสัญลักษณ์ของคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองคู่กับสังคมและประเพณีไทยมาอย่างยาวนาน จนบางครั้งผู้คนก็ลืมจุดมุ่งหมายอันสูงส่งและงดงามของการลอยกระทงไปแล้ว
คนโบราณท่านลอยกระทงเพื่อการบูชาแม่พระคงคา ปล่อยวางเคราะห์กรรมทั้งปวงให้ไหลไปตามท้องนที อันเป็นประเพณีของพราหมณ์หรือฮินดูที่ทำการบูชาแม่น้ำคงคาและอธิษฐานให้เทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ ช่วยรับเอาความทุกข์และเคราะห์กรรมออกไปจากชีวิตของพวกเขา ให้ความทุกข์ทั้งมวลไหลล่องไปพร้อมกับสายน้ำอย่าได้กลับคืนมาอีก
คืนวันลอยกระทงจึงควรเป็นคืนที่ปล่อยวางจากความยึดมั่นถือมั่นต่อสรรพสิ่ง เป็นคืนที่รับเอาพลังความดีงามดุจพระจันทร์คืนวันเพ็ญที่ส่องแสงนวลใยสว่างไสว
คืนวันนี้ควรเป็นค่ำคืนที่ปล่อยวางความทุกข์ให้ไหลผ่านไป อย่ายื้อยุดความระทมหม่นหมองทั้งหลายไว้ จงให้มันผ่านไปดั่งสายนที ที่ไหลไปสู่มหาสมุทรใหญ่ไม่มีการกลับคืนมา
หนุ่มสาวผู้กำลังมีความรัก อย่าเพียงแค่อธิษฐานเอาการลอยกระทงเพื่อเสี่ยงรักอย่างที่เพลงเขาว่า ควรลอยกระทงร่วมกันด้วยการอธิษฐานให้แง่งอนทิฐิมานะและการถือดีไม่ยอมกันให้หมดไปจากใจแล้วให้มันไหลไปกับกระแสธารา ควรตั้งจิตที่จะเอาพลังแห่งความรักช่วยกันฟันฝ่าจนกว่าจะผ่านอุปสรรคทั้งปวงไปด้วยกัน
บุคคลผู้มีครอบครัวหากจะลอยกระทงเพื่อความเป็นมงคลแก่ชีวิต จงวางจิตอย่าถือโทษโกรธเคืองกันต่อเรื่องราวที่ผ่านมาต่างๆ จงให้อภัยต่อกันและเจริญสติภาวนาสู่การปล่อยวาง เพื่อให้ชีวิตครอบครัวของเราเกิดมงคลและมีแสงสว่างในชีวิตให้ยิ่งขึ้นไป
ไม่จำเป็นอะไรจะต้องเอาคืนวันลอยกระทงเป็นวันอธิษฐานเสี่ยงความรัก เหตุใดจะต้องให้ความรักอันสูงส่งของเราถูกตัดสินด้วยกระทงน้อยๆเพียงแค่นั้น ทำไมจะต้องเสียใจไปทั้งปีเมื่อบังเอิญกระทงอันมากมายเกิดหลงทางมาชนกัน แล้วเกิดลุกไฟขึ้นในกระทงอันนั้นแล้วบังเอิญเป็นกระทงของเรา
เราจะลอยกระทงในปีนี้ด้วยความสำนึกคุณต่อแม่พระคงคา ที่เราได้ใช้สอยใช้ดื่มใช้กินใช้อาบใช้อุปโภคบริโภคสารพัดวิธีมาตลอดทั้งปีต่างหาก
เราจะมอบความรักอย่างซาบซึ้งต่อผืนดิน ต่อท้องฟ้า ต่อแม่พระคงคาที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเราไว้ หากคิดเพียงแค่ลอยกระทงเสี่ยงรักย่อมเป็นการลอยกระทงที่คับแคบจนเกินไป ควรมอบหัวใจแก่พระแม่คงคาผู้มีคุณอันกว้างใหญ่ ที่เราได้กินได้ใช้มากกว่าจะให้ใครเพียงคนเดียว
ไม่ควรเอากระทงน้อยๆมาลอยเพื่อเสี่ยงรัก เพราะความรักอันยิ่งใหญ่ของเราทรงคุณค่ากว่ากระทงน้อยๆลอยอยู่กลางน้ำไม่กี่นาทีเพียงแค่นั้น
คืนลอยกระทงเพียงคืนเดียวจะมาใช้ตัดสินความรักได้อย่างไรกัน ความรักอันงดงามในหัวใจของเราสูงค่าเกินกว่านั้น เพราะเต็มเปี่ยมในใจดวงนี้อยู่เสมอทุกๆวัน โดยไม่ต้องอาศัยคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองลอยกระทงแต่อย่างใด
หากเป็นชาวพุทธที่แท้จริงควรบูชาพระรัตนตรัยในคืนเช่นนี้ เอาประเพณีของฮินดูมาสร้างสรรค์หัวใจของเราให้เป็นหัวใจใหม่ จงเป็นคืนแห่งการตั้งสติประคองใจ เพื่อรับเอาพลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่ธรรมชาติมอบให้ ด้วยการปล่อยวางความทุกข์ความหม่นทั้งปวงออกไปจากหัวใจ แล้วเริ่มต้นสู่การมีชีวิตใหม่ที่เบิกบานภายในขึ้นมาแทน
ไม่จำเป็นต้องมีคู่จึงจะลอยกระทงในคืนนี้ ไม่มีคู่ยิ่งดีเราจะได้อธิษฐานได้นานๆอย่างอิสระ เพราะการลอยกระทงของเราคือการขอขมาต่อแม่พระคงคา การลอยกระทงคือการแสดงออกซึ่งการตระหนักถึงความสำคัญของพระรัตนตรัยด้วยการบูชา ลอยกระทงคือการเคารพต่อดินฟ้าที่เราอาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิดไปจนกว่าจวบจนวันตาย
จงเอาคืนวันลอยกระทงเป็นวันปล่อยวางซึ่งความทุกข์ ขอให้ความทุกข์ยากที่ผ่านมาทั้งหลายจงมลายไปหมดสิ้น จากที่เคยทุกข์ตรมเรื่อยมาน้ำตาริน ขอแม่พระคงคาจงช่วยชำระล้างความหมองมัวให้หมดสิ้นแล้วพามันไปให้ไกลแสนไกลออกสู่ท้องทะเล
จงมองท้องฟ้าในค่ำคืนแห่งวันเพ็ญจันทร์กระจ่าง จงรับเอาแสงสว่างสู่ดวงใจดุจจันทร์เพ็ญอันแจ่มฟ้า จงทำใจดวงนี้ให้กว้างใหญ่ดุจท้องนภา ในคืนนี้หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนก็ได้ว่า เป็นค่ำคืนที่พระสารีบุตรผู้เป็นอัครสาวกเบื้องขวาท่านดับขันธ์ปรินิพพาน
คืนวันเพ็ญเดือนสิบสองของชาวโลกเขาอาจฉลองกันซึ่งความรัก แต่ในคืนเดียวกันอาจเป็นค่ำคืนแห่งการบรรลุอริยมรรคของบุคคลผู้มีญาณอันแก่รอบแล้วก็ได้
คืนลอยกระทงแต่ละปี อาจเป็นคืนแห่งการสมหวังหรือผิดหวังในความรักของชาวโลกโดยทั่วไป เป็นคืนที่มีทั้งเสียงหัวเราะและร้องไห้ เพราะได้รับความดีใจหรือเสียใจไปต่างๆนานา
สำหรับผู้ไม่เยื่อใยในเสน่หาหรือความรัก คืนลอยกระทงจักคือค่ำคืนเจริญอริยมรรคของเราให้ก้าวหน้า พระสารีบุตรท่านดับขันธ์ในคืนนี้เมื่อสองพันหกร้อยปีที่ผ่านมา เราจักเจริญสติภาวนาลอยกระทงแบบพระอริยเจ้าคือการปล่อยวางสรรพสิ่งทั้งปวง
การลอยกระทงอย่างสนุกสนานแบบชาวโลกเราก็ทำกันมามากแล้ว ต่อไปนี้จงหันมา “ลอยกิเลส” เพื่อปล่อยวางความทุกข์ทั้งปวงออกจากใจของเราดูบ้าง เอาค่ำคืนแห่งวันเพ็ญเดือนสิบสองมารักษาศีล ฟังธรรม เจริญภาวนาเพื่อเพิ่มพูนความดีงามของชีวิตให้เป็นพลัง
ชีวิตของเราจะเกิดสิริมงคล รุ่งเรืองสดใสและเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง ดุจดังแสงสว่างแห่งจันทร์เพ็ญตลอดไปในทุกปี
คุรุอตีศะ
๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗