ความรักจะเป็นภูมิคุ้มกัน

ความรักจะเป็นภูมิคุ้มกัน

 


                  คนที่มีครอบครัว  ไม่ควรคิดว่าการมีครอบครัวคือการสร้างฐานะความเป็นปึกแผ่นทางการเงินหรือความก้าวหน้าเท่านั้น  แต่ควรตระหนักว่าครอบครัวคือภูมิคุ้มกันของชีวิตที่สำคัญ  ความรักความบริสุทธิ์ใจระหว่างสามีภรรยานั้น จะเป็นเกราะป้องกันอันตรายจากภายนอก ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวัตถุเครื่องรางของขลังที่ผู้คนทั้งหลายต่างพากันนิยม


                 คนที่ครองคู่เป็นสามีภรรยา  ในชีวิตจริงแล้วก็ไม่ใช่จะมีแต่กิเลสตัณหาหรือเอาแต่คลุกคลีกันอยู่ตลอดเวลา  แต่ความเป็นสามีภรรยา ย่อมมีคุณธรรมบางอย่างที่สูงกว่าความสัมพันธ์ตามสัญชาตญาณระหว่างหญิงชาย  จะมีทั้งความอบอุ่นใจ มีความจริงใจ มีความบริสุทธิ์ใจ มีความหวังดีปรารถนาดี มีพลังแห่งความเมตตากรุณามุทิตาอยู่ในนั้น ซึ่งหญิงชายที่มีความสัมพันธ์กันเพียงแค่ความสุขทางร่างกายจะไม่มีคุณค่าทางจิตใจหรือมีคุณธรรมในลักษณะแบบนี้


                สามีภรรยาคู่ใดที่เข้าถึงความรักความปรารถนาดีต่อกันได้เช่นนี้  ความห่างไกลกันด้วยเหตุปัจจัยอันจำเป็นบางอย่าง  จะไม่มีทางลดทอนความรักระหว่างหัวใจของคนทั้งสองได้  ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงหรือคนสนิทจะไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือความรักในระดับนี้


                ความรักในระดับนี้จะเป็นพลังที่ศักดิ์สิทธิ์  ที่จะเป็นภูมิคุ้มกันของชีวิตโดยที่คนทั้งสองไม่จำต้องมีเครื่องรางของขลัง หัวใจของบุคคลที่เข้าถึงความรักในระดับนี้ จะมีความขลังอยู่ในตัวโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องราง  แม้ไม่ได้แขวนพระเครื่อง เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะคุ้มครอง


                พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงในโลก ไม่มีสิ่งใดเกินกว่า “พลังแห่งความเมตตา” เกจิอาจารย์ทั้งหลายที่ท่านอธิษฐานจิตประจุลงในวัตถุแล้วเกิดความศักดิ์สิทธิ์ ช่วยคุ้มกันผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุหรือภัยอันตรายทั้งปวงได้  ก็เกิดจากอานุภาพแห่งความบริสุทธิ์ของจิตและพลังเมตตาของท่าน  นี้คือความต่างกันระหว่างอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของไสยเวท กับความศักดิ์สิทธิ์อันเกิดจากเมตตาจิตและความบริสุทธิ์ของพระอริยเจ้า


                      พลังแห่งความรักความเมตตานั้นเองทำให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์   ด้วยเหตุนี้  พระอริยเจ้าทั้งหลายย่อมทรงคุณทรงความศักดิ์สิทธิ์ และมีฐานะเป็นเกจิอาจารย์อยู่ในตัวทุกองค์   เพียงแต่ท่านจะใช้พลังในส่วนใดในการเกื้อกูลอนุเคราะห์โลกและผู้คนไปตามวาสนาเท่านั้น


                    ความรักความเมตตาและความบริสุทธิ์ใจที่สามีภรรยามีต่อกัน ในระหว่างนั้นจะมีพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์และมีความอบอุ่นมีความมั่นใจในชีวิตอย่างลึกซึ้ง  นั่นแหละคือคุณค่าของความเป็นสามีภรรยา ที่ยิ่งไปกว่าอำนาจของราคะความเสน่หาตามวิสัยของชีวิตสามีภรรยาตามปกติ   ครอบครัวที่สามีภรรยามีความรักต่อกันเช่นนี้จะมีภูมิคุ้มกันอย่างยอดเยี่ยม


                   ความรักที่เป็นเกราะป้องกันหรือเป็นภูมิคุ้มกันของชีวิตเช่นว่านี้  ย่อมมีได้แม้แก่หญิงชายที่มีอุดมการณ์อันสูงส่ง  อย่างเช่นมาดามมารี คูรี่ เจ้าของรางวัลโนเบล แม้สามีผู้ร่วมกันคิดค้นจนค้นพบแร่ธาตุเรเดียมอันสำคัญจะตายจากไปนานแสนนาน แต่เธอก็ยังเขียนจดหมายถึงสามีของเธอทุกวันเสมือนหนึ่งว่าเขายังมีชีวิตอยู่โดยไม่เคยรักใครอีกเลย หัวใจของเธอเต็มเปี่ยมด้วยความรักและคิดค้นทางวิทยาศาสตร์ต่อไปจนเข้าสู่วัยชรา  แล้วได้จากโลกนี้ไปด้วยหัวใจที่อบอุ่นมั่นคง


                   ความรักภายในครอบครัวย่อมเป็นปราการป้องกันภัยอันตราย และเป็นภูมิคุ้มกันอันสำคัญยิ่งนัก  ดูตัวอย่าง  มาลาลา  ยูซัฟไซ  เด็กสาววัย  ๑๗ ปี ชาวปากีสถาน  ผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ประจำปี  ๒๕๕๗  อันเกิดจากผลงานที่ได้ต่อสู้เพื่อเสรีภาพทางการศึกษาของสตรีจนถูกยิงที่ศีรษะแล้วรอดตายมาได้  เธอก็ได้รับความอบอุ่นและกำลังใจจากพ่อและแม่ของเธอเป็นตัวหล่อหลอมอันสำคัญ

 

                 ความเข้มแข็ง ความกล้าหาญโดยไม่หวั่นต่ออันตรายและความเป็นผู้มีสติปัญญาอันเหนือมนุษย์  ทำให้เด็กสาวมาลาลากลายเป็นเจ้าของรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์


                   สำหรับในประเทศไทย  ความรักความอบอุ่นภายในครอบครัว ได้เป็นภูมิคุ้มกันของชีวิตและสร้างชีวิตของเด็กสาวอีสานบ้านนอกวัย ๒๔ ปี คือ อะแมนด้า คาร์  ให้กลายเป็นนักกีฬาเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์หรืออินชอนเกมส์ที่เกาหลีใต้  จนเป็นนักกีฬาเหรียญทองที่มีคนรักทั้งประเทศไทยไปแล้วเพราะความจริงใจใสซื่อและความเป็นคนติดดินของเธอ


                  เธอเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน  แต่พอลงจากเครื่องบินสัมผัสผืนแผ่นดินไทยเท่านั้น  เธอก็พูดภาษาอีสานว่า “คักขนาด”คล่องปรื๋อ โดยไม่มีปมด้อยหรือรู้สึกว่าใครจะดูถูกดูแคลนว่าเป็นคนลาวคนบ้านนอกแต่อย่างใด


                  ความบริสุทธิ์ใจและความจริงใจ ที่เธอแสดงออกอย่างกล้าหาญและเป็นธรรมชาติ  ทำให้ผู้คนพากันรักนักกีฬาจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์เจ้าของเหรียญทองลูกครึ่งหัวหยองคนนี้ และมีความสุขยิ้มได้ไปพร้อมกับความสำเร็จของเธอไปทั่วทั้งประเทศไทย


                 ความน่ารักของเธอก็คือ ความใสซื่อไม่มีมารยา กลับไปถึงอุดรธานีก็พาเพื่อนปั่นบีเอ็มเอ๊กซ์ทักทายชาวบ้าน  หลังจากนั้นก็สาธิตการทอดแห  การขุดไส้เดือนตกเบ็ดจับปลาตามประสาคนบ้านนอก โดยไม่มีการถือเนื้อถือตัวว่าเป็นนักกีฬาเหรียญทองแต่อย่างใด


                 พอมีน้องๆเยาวชน หรือผู้คนมาถามเคล็ดลับในการสร้างชีวิตให้พบกับความสำเร็จ  เธอก็ตอบง่ายๆแต่มีความแยบคายยิ่งนักว่า  “อิหยังดี  กะเฮ็ดไปโลด  อย่าลังเล  เฮ็ดให้เต็มที่” (อะไรที่ดี  ก็ทำไปเลย  อย่ามัวลังเล  ทำให้เต็มที่)


                 คำตอบของอะแมนด้า คาร์  หลายคนฟังแล้วอาจหัวเราะและคิดว่าเป็นคำพูดธรรมดาหรือพูดไปตามประสา  แต่ความจริงแล้วคำตอบของเธอนับว่าไม่ธรรมดา เพราะตรงกับเคล็ดลับของคนสำคัญของโลกหลายคน ซึ่งมีหลักการในการสร้างความสำเร็จในชีวิตว่า “ต้องมีความมุ่งหมายในชีวิตให้แน่ชัด  ทำในสิ่งที่ใจรักและถนัด  มีหัวใจที่เข้มแข็งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและความยากลำบาก  และมีสมาธิตั้งมั่นในสิ่งที่ทำจนกว่าจะบรรลุผลสำเร็จ”


                  อะแมนด้า  คาร์  ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน  หัวหยอง หาบกล้า  ดำนา  ทอดแหหาปลาใช้ชีวิตติดดินไปตามประสาเด็กอีสานบ้านนอก  นับว่าบิดารมารดาของเธอเลี้ยงลูกได้ดีมาก  บิดาในฐานะคนอเมริกันที่เคยเป็นทหาร มาพบรักกับแม่ค้าขายส้มตำที่รับจ้างสารพัดไม่ว่าจะเป็นรับจ้างขุดดินตารางวาละ ๒.๕๐ บาทสมัยเมื่อสามสิบปีก่อน เพื่อนำเงินค่าจ้างไปเลี้ยงดูพ่อแม่พี่น้องในฐานะเป็นกำลังหลักของบ้านสมัยนั้น


                     ความกตัญญู ความอดทน ความขยันหมั่นเพียร และความเสียสละ ที่นางละมูล มารดาของอะแมนด้า ได้บำเพ็ญไว้ต่อบิดามารดาและญาติพี่น้องของตนตั้งแต่ในสมัยยังเป็นสาวเรื่อยมานั้น ด้วยอานุภาพแห่งดวงจิตที่เต็มเปี่ยมด้วยความกตัญญู นอกจากจะได้พบรักแท้จากทหารอเมริกันจนทำให้เขาสู่ขอตามประเพณีก่อนจะถอนทัพกลับไป


                  นางละมูลผู้ซึ่งไร้อนาคตและไม่มีวุฒิการศึกษาอันใด นอกจากดวงใจที่อยากให้พ่อและแม่ญาติพี่น้องมีความสุข แม้ตัวเองจะลำบากเพียงใดก็ยอม   บัดนี้ผลบุญที่ทำไว้ด้วยใจอันบริสุทธิ์ไปตามประสาซื่อตามหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ได้ส่งผลให้นางได้ลูกสาวที่เป็นคนดีมาเกิดและสร้างชื่อเสียงให้ทั้งแก่ตนและแก่ประเทศไทย ความดีนั้นได้ส่งผลอย่างเต็มที่ในวัย ๖๓ ปี


                   ความรักความอบอุ่นในครอบครัวคือภูมิคุ้มกันของชีวิตอันประเสริฐ  มารดาของอะแมนด้าได้ปลูกฝังคุณธรรม การรักศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ และความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนไว้ในตัวลูกสาวได้อย่างน่าสรรเสริญ  ฝ่ายบิดาก็อบรมความกล้าหาญในการกล้าแสดงออกกล้าทำในสิ่งที่ดี ปลูกฝังความกล้าหาญทางจริยธรรม กล้าฟันฝ่าอุปสรรคและความยากลำบาก พ่อและแม่นั่นเองคือผู้หล่อหลอมและเป็นภูมิคุ้มกันให้แก่อะแมนด้าจนได้มีวันนี้


                  ในยามที่บ้านเมือง สังคม  เศรษฐกิจอยู่ในภาวะไม่ปกติเช่นนี้  อย่าเอาสิ่งอื่นหรือคนอื่นมามีอิทธิพลหรือกดทับชีวิตของเราจนลืมเหลียวมองคนที่อยู่ใกล้  การที่เราคิดว่าเราต้องรับภาระหรือรับผิดชอบตามลำพังคนเดียว อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวและว้าเหว่มากเกินไป  บางทีบุคคลที่เราเคยคิดว่าคงจะช่วยอะไรเราไม่ได้  แต่จะกลับเป็นกำลังใจและช่วยเหลือเราในยามคับขันอย่างไม่น่าเป็นไปได้ อาจเป็นคนที่อยู่ใกล้ๆเรานี้เอง


                  พลังแห่งความรักความเมตตาอันบริสุทธิ์ และความปรารถนาดีต่อกันในครอบครัว  จะเป็นพลังศักดิสิทธิ์อันสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาทั้งปวงที่ไม่ควรมองข้ามในยามนี้  จงมอบความรักความศรัทธาและมอบความไว้วางใจให้แก่กัน  ชีวิตนี้จะได้รับภูมิคุ้มกันและชนะอุปสรรคทั้งปวง

 

                                                                                                 คุรุอตีศะ
                                                                                         ๑๑  ตุลาคม  ๒๕๕๗