รักอย่างตื่นรู้
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
รักอย่างตื่นรู้
โดยคุณสมบัติอันแท้จริงของความรักไม่มีการทำร้ายใคร หากเรารู้สึกว่าความรักทำให้เราทุกข์และเจ็บปวด มันไม่น่าจะใช่ความรัก คงเป็นสิ่งอื่นที่อยู่ภายในตัวเรามากกว่า
เราจงมีสติและพยายามก้าวข้ามวงจรนี้ไปให้ได้ แม้ว่าเวลานี้เราจะรู้สึกเจ็บปวดสักเพียงใด เพราะสิ่งที่เราเรียกว่าความรักนั้นสามารถซ่อนสิ่งที่ไม่น่ารักไว้มากมาย จิตที่ซับซ้อนซ่อนเร้นและช่างคิดมากของเรา มักเจ้าเล่ห์เพทุบาย ชอบหลอกทั้งคนอื่นและตัวเองอยู่เสมอ
คำว่า "ความรัก"ที่เรามักใช้คำนี้กันอยู่ทั่วไปนั้น จริงๆแล้วหาใช่ความรักไม่ แต่มันคือราคะ ซึ่งทำให้จิตจมลงในความมัวเมาไม่สดชื่นแจ่มใส และเจ้าราคะนี้เองคือสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ทั้งชายและหญิงรู้สึกถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน
การที่เรามองใครด้วยใจที่เต็มไปด้วยราคะ ย่อมเป็นการลดคุณค่าของอีกฝ่าย ทำให้คนกลายเป็นวัตถุสิ่งของ เป็นการดูหมิ่น เหยียดหยามอย่างลึกซึ้งอยู่ในตัว แต่ผู้คนส่วนใหญ่ย่อมไม่มีสติคมชัดพอที่จะมองเห็นสภาวะอันละเอียดอ่อนเช่นนี้ การผูกพันกันด้วยอำนาจแห่งราคะเพียงอย่างเดียว มนุษย์ชายหญิงจึงไม่รู้สึกนึกเคารพนับถือหรือมีเมตตาต่อกัน
ไม่มีมนุษย์คนใดต้องการจะเป็นเพียงวัตถุสิ่งของ ที่เมื่อเบื่อแล้วก็ถูกโยนทิ้งไป ไม่มีใครต้องการจะตกอยู่ในฐานะถูกใช้สอยไม่ว่าชายหรือหญิง ไม่มีใครต้องการเป็นเพียงสินค้า ไม่มีใครต้องการเป็นเพียงทางผ่าน ดังนั้น มนุษย์ทั้งหลายจึงต้องการเข้าสู่พิธีแต่งงานหรือได้ใช้ชีวิตคู่อย่างสมบูรณ์ตามประเพณีในสังคมนั้นๆโดยเฉพาะผู้อยู่ในฐานะสตรีเพศ
ความรักที่แท้จริงเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับราคะ แต่เนื่องจากพระพุทธองค์ผู้ทรงรู้แจ้งโลกและเข้าใจอุปนิสัยที่แท้จริงของสัตว์โลกตามความเป็นจริง พระองค์ทรงทราบดีว่าพวกเขาทั้งหลายไม่อาจพรากกายและใจออกจากความสุขทางกามารมณ์ จึงทรงวางหลักให้ฆราวาสประพฤติปฏิบัติอยู่ในกรอบของศีลห้า ตามกำลังอินทรีย์ที่มนุษย์ชายหญิงพอประพฤติปฏิบัติได้ ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นเว้นขาดจากเมถุนธรรมเหมือนนักบวชผู้ประพฤติพรหมจรรย์
การมีสติที่งอกงามขึ้น ด้วยทาน ศีล ภาวนา ตามลำดับ จึงทำให้ฆราวาสสามารถบรรลุเป็นพระโสดาบัน เมื่อได้สดับพระธรรม ปฏิบัติธรรม แล้วเกิดปัญญาเข้าใจในสัจธรรมความจริง เมื่อมีเหตุปัจจัยอันเหมาะสมและถึงกาลเวลา
พระพุทธองค์และปวงเหล่าพระอริยสงฆ์ผู้เข้าใจมนุษย์และเข้าใจโลก จึงให้มนุษย์ทั้งหลายไม่ว่าชายหรือหญิง หมั่นเจริญสติตามความเป็นจริง แม้จะอยู่ท่ามกลางราคะกิเลสตามวิสัยของชาวโลก ดุจโคลนตมแม้จะดูน่ารังเกียจ แต่ดอกบัวก็สามารถงอกเงยและชูช่อดอกอันสูงส่งงดงามอยู่เหนือโคลนตมได้ ความรักกับราคะแม้จะอยู่ด้วยกัน แต่ความรักอันสูงส่งงดงามก็สามารถมีได้ หากเข้าใจการเจริญสติภาวนา
ความรักจะให้ความรู้สึกนับถืออีกฝ่ายหนึ่งในความเป็นตัวเขา หากเรารักใครสักคน เราจะรักในความเป็นตัวเขา เราจะไม่รู้สึกเจ็บปวด ความรักจะทำให้รู้สึกถึงความรุ่มรวยและเต็มเปี่ยม
ความเจ็บปวดเกิดจากอีโก้หรือความสำคัญของตัวเราถูกริดรอน เรารู้สึกถูกบั่นทอนความสำคัญให้ลดลงหรือสูญหายไป ความต้องการที่จะครอบครองหรือความต้องการที่จะมีอำนาจเหนือกว่า ที่เราเคยได้รับหรือยึดมั่นตลอดมา ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักหรือถูกทำลาย ด้วยเหตุนี้เราจึงรู้สึกผิดหวังและเสียใจ ความเจ็บปวดในหัวใจจึงเกิดขึ้น
ความรักในรูปแบบอันบริสุทธิ์ก็คือการแบ่งปันความสุข ไม่รู้สึกเรียกร้องอะไรตอบแทน ไม่คาดหวังอะไรจากเขาทั้งนั้น ความสุขของเราคือการได้ให้ ไม่ใช่การรับ ดังนั้นคนเราจึงสามารถรักกันได้ ทั้งๆที่อยู่ไกลกันเป็นพันๆไมล์ โดยที่ไม่ต้องมาอยู่ต่อหน้าต่อตากัน
ให้หัวใจดวงนี้เรียนรู้ความรักแบบตื่นรู้ให้มากขึ้น คนเราส่วนใหญ่มักเรียนรู้ความรักอยู่เพียงด้านเดียวคือความหลงใหลต่อกันและการมุ่งครอบครองซึ่งกันและกัน ผู้คนจึงมักออกจากวงจรเช่นนั้นไม่ได้ และแทบจะร้อยทั้งร้อยก็ไม่ค่อยจะเต็มใจออกจากวงจรดังกล่าวเสียด้วย แม้จะเจ็บปวดและมีน้ำตาสักกี่ครั้ง ส่วนใหญ่แล้วต่างก็ยังยืนยันว่าจะขออยู่กับสิ่งนั้นต่อไป
ค่อยๆเปลี่ยนความเจ็บปวดที่เคยมีมากมาย ให้กลายเป็นความรักที่สะอาดขึ้นทีละน้อย หากหัวใจดวงนี้ยังปวกเปียกอ่อนแอเกินไปและรู้สึกไร้ที่พึ่ง จงหาเวลาไปกราบไหว้พระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้หัวใจดวงนี้ได้มีโอกาสสัมผัสกับพลังศรัทธาของศาสนา
จากความรักที่แสนเจ็บปวดทับถมหัวใจตลอดมา อาจถึงเวลาแห่งการพัฒนา จากความรักความใคร่ตามวิสัยสัตว์โลกตามธรรมดา กลายเป็นความรักความศรัทธาที่ทำให้หัวใจอบอุ่นและเกิดแสงสว่างในหัวใจขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
ความรักอันเคยเป็นเพียงระดับสามัญธรรมดา อาจกลายเป็นความรักความเมตตา กลายเป็นพลังแห่งการริเริ่มสร้างสรรค์และมีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ในวงกว้างออกไปมากขึ้น
หัวใจของเราจะเหมือนก้าวเข้าสู่ดินแดนทิพย์ หรือได้สัมผัสอาณาจักรแห่งความรักอันยิ่งใหญ่
เป็นความรักแห่งพุทธะ ที่รู้ตื่นเบิกบาน เป็นความรักของพระอริยเจ้าทั้งหลายที่อยู่เหนือราคะ อันเป็นความรักที่เต็มเปี่ยมด้วยเมตตาและปัญญาตลอดกาล
คุรุอตีศะ
๒๕ กันยายน ๒๕๕๗