เพียงออกจากการแข่งขัน
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
เพียงออกจากการแข่งขัน
สำหรับคนที่นิยมยินดี ในการได้ การมี การเป็น ตามวิสัยของชาวโลก ย่อมรู้สึกมีความสุขและสนุกสนานในการได้ลงแข่งขันเพื่อเอาชนะหรือการได้เป็นที่หนึ่งเหนือคนอื่น
การแข่งขันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเขามีคุณค่าและภาคภูมิใจ เขารู้สึกเปรมปรีดิ์ในหัวใจในยามที่เขาสามารถเอาชนะหรืออยู่เหนือคนอื่น ส่วนผู้แพ้จะย่อยยับหรือโศกเศร้านอนสะอื้น คนทั้งหลายก็ยังสามารถฉลองชัยชนะท่ามกลางน้ำตาของผู้พ่ายแพ้ซึ่งเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
การปรารถนาที่จะเป็นที่หนึ่งหรือการมีชัยชนะเหนือผู้อื่น คือการมุ่งได้รับความสุขและความภาคภูมิใจของตัวเราเองเป็นหลัก
แต่สำหรับเส้นทางแห่งความรัก ย่อมได้แก่การมีเมตตาและเสียสละต่อเพื่อนมนุษย์ โดยบางครั้งเรายอมให้ผู้อื่นเป็นผู้ชนะ แม้ในเรื่องนั้นเราอาจเป็นผู้มีความสามารถมากกว่า นี้คือเส้นทางแห่งความรักความเมตตา ซึ่งเป็นเส้นทางที่สงบร่มเย็นและปราศจากเวรภัย อันเป็นเส้นทางของความเป็นนักบุญหรือเส้นทางของพระอริยบุคคล
ทั่วทั้งโลกมีแต่ผู้คนที่สนับสนุนนิยมยกย่อง หรือพอใจที่จะเข้าสนามชิงชัยเพื่อการแข่งขัน ทุกคนต่างใช้พละกำลังความสามารถอย่างสุดชีวิตและสุดกำลัง เพื่อมุ่งเอาชนะการแข่งขันเพื่อแลกเอาเหรียญรางวัลเพียงเหรียญเดียว การแข่งขันในชีวิตก็ทำนองนั้น
สนามชีวิตที่ต่างคนต่างแข่งขันเพื่อเอาชนะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ย่อมมีความสำคัญหรือทรงความหมาย ก็เฉพาะบุคคลที่ยังตกเป็นเหยื่อหรือตกเป็นทาสทางใจในการอยากเอาชนะหรือต้องการอยู่เหนือคนอื่น
ความรู้สึกว่าชีวิตของตนยังพร่องหรือยังด้อยกว่าคนอื่นอยู่ จึงมุ่งมั่นในการแข่งขันเพื่อเอาชนะหรืออยู่เหนือคนอื่นเรื่อยไป
แม้จะเหนื่อยล้าและมีสิ่งบีบคั้นให้มีน้ำตาสักเพียงใด ก็ยากยิ่งนักที่จะมีใครสักคนที่กล้าสลัดตัดใจออกจากสนามแข่งขัน แล้วมานั่งมองข้างสนามอย่างสบายใจ เพราะความรักเกียรติรักศักดิ์ศรีที่ปุถุชนพากันพร่ำสอนไว้ จึงไม่อาจทำใจได้ที่จะกลายเป็นผู้นั่งชมวิวอยู่ชายทะเล
สำหรับผู้เก่งกล้าทั้งหลายซึ่งตลอดชีวิตที่ผ่านมา ชีวิตมีแต่ตั้งหน้าเอาชนะและเต็มไปด้วยการแข่งขันตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาลมาจนถึงบัดนี้ ลองออกจากการแข่งขันดูสักทีแล้วเอามือหยิบผ้าเย็นลูบใบหน้า ดื่มน้ำเย็นๆ นั่งพักใต้ร่มไม้มีลมพัดเย็นๆ แล้วเอนกายให้สบายปล่อยวางทุกเรื่องราวไว้เบื้องหลัง
นี้คือคุณค่าความสุขของชีวิตในศาสนา หรือความสุขจากการบำเพ็ญภาวนาที่ยกมาเปรียบเทียบพอให้เข้าใจ เป็นความสุขที่ประกอบด้วยความอิสระปลอดโปร่งในหัวใจที่ไม่รู้สึกว่าต้องแข่งขันกับใคร เป็นความสุขของพระอริยเจ้าทั้งหลายที่ประณีตลึกซึ้งยิ่งนัก
ธรรมดาของชีวิตชาวโลก ย่อมเต็มไปด้วยการแข่งขันและการชิงไหวชิงพริบแย่งชิงผลประโยชน์ เป็นชีวิตที่มือใครยาวสาวได้สาวเอาอย่าไปสนใจสายตาคนอื่น เป็นเส้นทางที่มักมีโอกาสให้สร้างบาปสร้างกรรมอยู่ร่ำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนหรือของครอบครัว จึงเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความคับแคบและมีแต่เรื่องหนักใจเข้ามาให้แก้ไขไม่เว้นแต่ละวัน
เส้นทางสายนั้นเปรียบเหมือนการลงสนามแข่งขัน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องวิ่งอย่างสุดชีวิตเช่นเดียวกับคนอื่น หากใครหยุดยืนแม้แต่วินาทีเดียว ก็อาจถูกคนอื่นล้มทับหรือเหยียบตายอยู่ในสนามแข่งขัน เมื่อลงไปในสนามก็ต้องวิ่งสุดชีวิตแม้ต้องอ้าปากหายใจ นั่นคือสนามชีวิตอันยิ่งใหญ่กว่าสนามแข่งโอลิมปิก ที่คนทั้งหลายกำลังวิ่งแข่งกันอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน
ในวันหนึ่ง เมื่อเราหันมาตระหนักรู้และเชื่อฟัง"ข้างในของตัวเราเอง" แล้วหลังจากนั้นเราเพียงกล้าตัดสินใจก้าวเดินออกจากสนามแข่งขัน วันนั้นย่อมคือวันแห่งการปฏิวัติภายในครั้งยิ่งใหญ่ ความอิสระเบิกบานและความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่เคยได้พบเลยตลอดเวลาที่ผ่านมาในหัวใจ เราจะค้นพบตัวเองว่า นี้ต่างหากคือชีวิตใหม่ที่เราแสวงหาและต้องการอย่างแท้จริง
เพียงกล้าก้าวเดินออกจากการแข่งขัน แล้วปล่อยให้แต่ละวันดำรงอยู่และดำเนินไปอย่างมีเสรีภาพ ในภายนอกเราคงยังกระฉับกระเฉงประกอบการงานรับผิดชอบด้วยความสุขในหัวใจ แต่ดวงใจในภายในย่อมมีแต่การปล่อยวางอย่างเงียบกริบที่ไม่มีใครมารู้เห็นกับเรา
นี้คือสิ่งที่ผู้รู้ท่านกล่าวว่า "ธุดงค์ข้างนอกแต่หยุดเย็นอยู่ภายใน" ไม่ต้องใส่ใจในภาษาบาลีว่าเป็นฌานหรือญาณอะไร รู้แต่ว่าขณะนี้มีความรู้ตัวอยู่ ตื่นอยู่ เบิกบานอยู่
ขอเพียงให้หัวใจดวงนี้มีความสุขและผ่อนคลายอยู่ภายในไปแต่ละขณะ หัวใจที่เคยแห้งผากและโหยหาก็จะเริ่มสดชื่นและมีกำลังใจ ชีวิตนี้ย่อมไม่รู้สึกขาดแคลนความรักหรือสิ่งใดๆอีก ชีวิตย่อมสัมผัสถึงความเต็มเปี่ยม เพียงเท่านี้ชีวิตก็เพียงพอแล้ว
คุรุอตีศะ
๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๗