อดทนจนกว่าพ้นวิกฤติ

อดทนจนกว่าพ้นวิกฤติ

 


            ชะตาของบ้านเมืองจะต้องอยู่ในความมืดมิดจนถึงจุดหนึ่ง  หลังจากนั้นความสว่างและทางออกจึงจะเกิดขึ้นตามมา  หากยังไม่มืดถึงที่สุดแล้ว  แสงสว่างของรุ่งอรุณแห่งวันใหม่ย่อมจะยังไม่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา


           ขอให้ประชาชนคนไทยทั้งหลาย  แม้แต่ก่อนจะเคยหมายมั่นว่าเราเป็นสีเหลืองสีแดงหรือสีหนึ่งสีใด  จงพากันสลัดทิฐิมานะออกไปจากหัวใจ  แล้วรวบรวมกำลังใจร่วมกันฟันฝ่าวิกฤติของชาติครั้งยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัยคราวนี้ไปด้วยกัน


          เราอาจต้องเห็นความล่มสลายทางเศรษฐกิจและสังคมลงต่อหน้า อย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน  อาชีพที่เคยทำมาหากินได้ยามปกติอาจหายวับไปกับตาอย่างไม่น่าเป็นไปได้  ทั้งนี้ก็เพราะว่าถึงคราวที่บ้านเมืองต้องเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าและโครงสร้างที่เคยเป็นมาห้าสิบปีนั้นไปอย่างไม่มีทางหวนคืนมาอีกในประวัติศาสตร์ชาติไทย


          ที่ผ่านมาหกสิบปี เรามีนักการเมืองเพื่อ “เล่นการเมือง” เพื่อให้ประชาชนและชาวโลกหลงเชื่อว่าเราเป็นประชาธิปไตยเท่านั้น  แต่ตอนนี้เราไม่อาจปิดบังความจริงต่อสายตาชาวโลกได้อีกแล้ว  คนไทยจึงอยู่ระหว่างช่วงการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของโครงสร้างทางสังคมของไทย


          ดังนั้น ช่วงเวลานี้เป็นช่วงรอยต่อก่อนจะเดินไปสู่ประชาธิปไตย  ประเทศชาติจึงต้องอยู่ภายใต้อำนาจของเผด็จการของฝ่ายอนุรักษ์นิยมครั้งสุดท้าย  ก่อนที่คนไทยทั้งมวลจะตระหนักในสิทธิเสรีภาพและโหยหาประชาธิปไตย  หลังจากที่ปล่อยเพชรหลุดมือไปด้วยความหลงเข้าใจผิดในความจริงบางอย่างมาช้านาน


           เราทุกฝ่ายจึงควรอดทนไว้ เพื่อให้ผู้มีอำนาจและเป็นใหญ่ทั้งหลาย ท่านต่อสู้และบริหารจัดการกันไป  จนกว่าจะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไปอย่างแท้จริง เข้าสู่ยุครัชกาลใหม่ที่เข้าใจความทุกข์ร้อนของคนรากหญ้าและเคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ จนกระทั่งสถาปนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างสมบูรณ์


          ที่กล่าวมาเพื่อให้พวกเราทั้งหลายได้ทราบว่า  ที่เราทุกข์ยากเดือดร้อนและทำมาหากินทั้งน้ำตาอยู่ในเวลานี้ก็เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง  ในคราวนี้จึงอยากถ่ายทอดบางสิ่งที่รู้มาบ้างให้เราทั้งหลายได้รับทราบไปตามประสา  เพราะในสมัยแห่งกลียุคเช่นนี้ เราจะรู้แต่ธรรมะอย่างเดียวย่อมไม่เพียงพอ   ต้องรู้บริบทอื่นที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราบ้างตามสมควร


          จงพยายามรักษาความเข้มแข็งของจิตใจ และอดทนอดกลั้นไว้อย่าถอดใจยอมแพ้  ต้องทนได้ต่อทุกความผันแปรและความไม่แน่นอน ที่มักมาเยี่ยมเยียนเราเป็นครั้งคราวอยู่เสมอ


         สำหรับบางคน หากธุรกิจการงานล้มเหลวหรือต้องกลายเป็นคนตกงาน  จงอย่าซึมเศร้าอยู่แต่ในบ้าน เดี๋ยวจะเกิดความหงุดหงิดรำคาญแล้วหันไปทะเลาะกันเสียเอง


         จงสงสารและเห็นอกเห็นใจกันในยามนี้ให้มาก  ต้องรักกันท่ามกลางความลำบากและร่วมกันฟันฝ่าขวากหนามไปให้ได้  ขอให้รับรู้เถิดว่าในยามนี้ไม่ว่าหันหน้าไปทางไหน  ล้วนแต่พบคนที่ทนต่อแรงกดดันรอบด้าน  ดังนั้น ใครไม่มีข้าวกิน ก็ขอให้มากินข้าวที่โรงทาน  ที่พยายามเปิดโรงทานไว้ตั้งแต่วันที่  ๑  มกราคม  ๒๕๕๕ ก็ด้วยคาดเดาเหตุการณ์ว่าบ้านเมืองจะพบกับวิกฤติเช่นในวันนี้นั่นเอง


        หากใครกินข้าวอิ่มแล้ว  ไม่มีค่ารถกลับบ้าน  ก็สามารถบอกได้ แต่อย่าให้เกิน  ๑๐๐  บาท  เพราะตอนนี้บารมียังน้อยนิด เวลาฉันข้าวยังต้องแบ่งปลาทูเค็มออกเป็นสามชิ้นเพื่อเป็นการประหยัด ดังนั้นใครที่คร่ำครวญว่าตนเองช่างฝืดเคืองและอัตคัด จะมาขอแบ่งปลาทูเค็มไปสักชิ้นบ้าง  ก็จะสามารถพอแบ่งให้กันกินได้อยู่พอสมควร


         เคยฟังเรื่องจริงอิงนิทานมาว่า อันประเทศไทยของเรานี้  จริงๆแล้วท่านว่าไม่ใช่ประเทศยากจน  ท่านบอกว่า ที่เราเข้าใจว่าประเทศไทยส่งสินค้าออกเป็นข้าวและยางพาราเป็นหลักนั้น  ท่านว่าที่จริงแล้วเรามีการส่งออกทางพลังงานเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ เราเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอันดับที่ ๓๒ ของโลก และส่งออกก๊าซเป็นอันดับที่ ๒๔ ของโลก

 

           ผู้รู้ที่ไม่ประสงค์ออกนามยังบอกอีกว่า พื้นที่ภาคอีสานเนื้อที่ ๑๗๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตรนั้น  มีพื้นที่ภายใต้ชั้นหินลงไปที่เป็นบ่อน้ำมันมีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึง ๑๐๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร  ซึ่งถ้าขุดเจาะกันจริงๆจะมีปริมาณน้ำมันดิบมากกว่าประเทศซาอุดิอาระเบีย แม้แต่ข้างล่างพื้นที่ของกรุงเทพฯและปริมณฑล ก็ยังมีน้ำมันปริมาณมากเท่ากับอ่าวเม็กซิโกและมีการให้สัมปทานไปแล้วตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ อันนี้คือหลักฐานจากทางต่างประเทศ ดังนั้น ก็ลองฟังหูไว้หู  เผื่อว่าความจริงจะปรากฏขึ้นมาในอนาคตอันใกล้นี้

 
           ถ้าพูดตามคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ท่านพูดไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ท่านก็เคยบอกว่าประเทศไทยมีน้ำมันมากขนาดใช้ ๔๐๐ ปีก็ไม่หมด  และถ้าพูดตามเอกสารของทางราชการบางหน่วย ก็บ่งบอกว่าเราพบว่าประเทศไทยมีน้ำมันอยู่ภายใต้ผืนดินจำนวนมหาศาล ตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ คือ ๓๐ ปีมาแล้ว  แต่ทุกอย่างคนไทยยังไม่ได้รับทราบอย่างเป็นทางการ  คงเป็นด้วยมีเหตุผลบางอย่างที่เกินวิสัยของพวกเราจะคาดเดาได้


          ดังนั้น  ใครที่กำลังนั่งกอดเข่าหมดอาลัย หรือเริ่มคิดสั้นอยากฆ่าตัวตาย  ขอจงกินข้าวดื่มน้ำทำใจให้สบาย  เพราะอีกไม่เกิน ๓ ปี ประเทศชาติจะรุ่งเรืองโชติช่วงชัชวาลแล้ว ตามคำทำนายของหลวงปู่หลุยส์ จันทะสาโร และครูบาอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาอีกหลายรูปท่านบอกไว้


           ส่วนเหตุการณ์ในบ้านเมือง ที่จะเป็นไปตามครรลองของวิบากกรรมของผู้คนและชะตาของบ้านเมืองนั้น  นับจากนี้อีก ๒  เดือน จะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่สั่นคลอนอำนาจของฝ่ายอนุรักษ์นิยม  จากที่เคยคุมอำนาจได้เบ็ดเสร็จ จะเกิดการแตกแยกในกลุ่มเดียวกันและเกิดความระส่ำระสาย  จากที่เคยดูเรียบร้อยในสายตาภายนอกก็จะควบคุมไม่ได้อีกต่อไป


            ต่อจากนั้นจะเกิดกระแสเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับสมัย  ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖  หากผู้มีอำนาจยังฝืนต่อกระแสของประชาชน ก็อาจเกิดเหตุการณ์  ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙  และเหตุการณ์ พฤษภาคม  ๒๕๓๕ รวมกัน  จึงขอให้ทุกคนทุกชนชั้น จงใช้อำนาจอย่างเป็นธรรมและมีเมตตาธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน พร้อมทั้งใช้ความอดทนอดกลั้นให้มากเข้าไว้  ประเทศชาติและปวงชนชาวไทย จึงจะอยู่รอดปลอดภัยและเกิดการเปลี่ยนผ่านอย่างมีความสูญเสียและบอบช้ำน้อยที่สุด


           ขอให้ทุกคนจงตั้งสติและมีความอดทน  จนกว่าจะผ่านพ้นความมืดมิดและผ่านวิกฤติของชีวิตไปให้ได้  จึงขอส่งกำลังใจมายังทุกคน  ขอให้ทุกคนจงหันมาให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรม  ภาวนาสั่งสมบุญกุศลให้มากกว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมา


            สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเมตตาช่วยคุ้มครองอภิบาลรักษา ให้เราทุกคนผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ได้  หลังจากนั้นชีวิตจะได้พบกับฟ้าสีทองผ่องอำไพ   ขอจงมีกำลังใจทั่วหน้ากันทุกคนเทอญฯ

 

                                                                                                คุรุอตีศะ
                                                                                        ๓  กรกฎาคม  ๒๕๕๗