เราคือผู้สร้างโลก
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
เราคือผู้สร้างโลก
มีคำกล่าวอยู่คำหนึ่งว่า "มนุษย์ย่อมเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ที่มนุษย์หว่านไว้เอง" ถ้าหากเราทุกข์ทนก็หมายความว่าเราได้เพาะหว่านเหตุแห่งความทุกข์ไว้ หามีผู้ใดสร้างความทุกข์ให้แก่เธอไม่
หากยามใดเธอมีความสุข ก็มิใช่เพราะใครอื่นเสกสรรแต่อย่างใด แต่เพราะความสุขนั้นเกิดมีได้ ก็เพราะเราได้สร้างเหตุแห่งความสุขนั้นไว้ด้วยตนเอง
แน่นอนว่า เพราะมีระยะเวลาคั่นอยู่ระหว่างการหว่านไถกับการเก็บเกี่ยวแล้วเราลืมเลือนไป จึงทำให้เรานึกไปว่าปัญหาและความทุกข์เหล่านั้นเกิดจากความผิดของคนอื่น
เพราะเหตุที่มีกาลเวลาคั่นกลางระหว่างการหว่านและการเก็บเกี่ยว จึงทำให้ผู้คนไม่เข้าใจและสับสนในกฎแห่งกรรม ต่างมักพากันลังเลสงสัยในการให้ผลแห่งกรรมดีกรรมชั่ว ช่วงแห่งการเวลานั้นเองที่ทำให้เราหลงลืมและเข้าใจผิดต่อวิถีชีวิตและวิถีแห่งกรรมของผู้คน
เราเองคือผู้สร้างโลกใบนี้ สิ่งที่เราเผชิญทั้งดีและร้าย ล้วนเกิดมาจากผลแห่งการกระทำในอดีตที่เราหลงลืมไปแล้วทั้งสิ้น ดังนั้น เธอจงกล้าหาญและยอมรับความจริง หลังจากนั้นทุกสิ่งทั้งดีและร้าย จะค่อยๆคลี่คลายไปโดยตัวของมันเอง จงอย่าวิตกกังวลจนเกินไป
จงรับผิดชอบต่อชีวิตอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะเป็นความน่าเกลียดน่ากลัว ความเลวร้ายหรือความระทมขมขื่นก็ตาม ในตอนแรกคงจะเป็นการยากที่จะยอมรับว่า "ตัวฉันเองเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ที่กำลังแผดเผาอยู่ขณะนี้" แต่ก็จะเป็นการยากลำบากในตอนแรกๆเท่านั้น ในไม่ช้าประตูแห่งการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นจะเปิดออก
เธอจะเกิดความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อตัวเองขึ้นมาว่า ในเมื่อฉันเป็นคนสร้างนรกขึ้นได้ ฉันก็ย่อมเป็นผู้สร้างสวรรค์ได้เช่นกัน ถ้าหากฉันก่อทุกข์อันมากมายขึ้นมาได้ ฉันก็ย่อมก่อปีติสุขขึ้นในชีวิตได้เช่นกัน
ความกล้าหาญและความรับผิดชอบในหัวใจเยี่ยงนี้ จะชักนำเสรีภาพและอิสรภาพเข้ามาสู่ ความรับผิดชอบย่อมก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ขึ้น นี้คือโลกใบนี้ที่เราสร้างด้วยมือของเราเอง
เมื่อใดก็ตามที่เธอแลเห็นว่าสิ่งใดที่เธอเป็นก็คือสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาเอง เธอจะเริ่มเป็นส่วนหนึ่งของจิตเดิมแท้และเริ่มสัมผัสความเป็นอิสระจากเหตุปัจจัยภายนอกทั้งปวง
เธอจะเริ่มมองเห็นฟ้าสีทองของวันใหม่ว่า บัดนี้เงื่อนไขของชีวิตทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับตัวเธอ เธออาจขับขานบทเพลงแห่งธรรมชาติที่งดงาม อาจเริงรำไปกับความพลิ้วไหวของใบไม้และสายลม
อาจใช้ชีวิตอย่างรุ่งโรจน์สดใส อย่างเปี่ยมสุขและเบิกบาน ที่ไม่มีผู้ใดสามารถรบกวนเธอได้อีกต่อไป เพราะนี้คือความเริงรำแห่งหัวใจที่เข้าถึงความสุขภายในที่รู้ ตื่นเบิกบาน อย่างไร้กาลเวลา
นี้คือศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ สรรพสิ่งทั้งมวลย่อมเคารพในปัจเจกภาพคือเคารพในความเป็นตัวเองของสรรพสิ่งเช่นเดียวกัน และบุคคลจะถึงความเป็นตัวของตัวเองได้ก็ต่อเมื่อเขามีความรับผิดชอบต่อตนเองอย่างเต็มเปี่ยม
มนุษย์ย่อมเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ที่ตัวเองหว่านไว้ ความสุขความทุกข์ ความดีงามหรือความเลวร้าย ที่เราทั้งหลายได้ประสบหรือเผชิญในแต่ละวัน ทุกเหตุการณ์ล้วนคือพืชพันธุ์ที่เราต่างได้เคยเพาะหว่านทิ้งไว้ในอดีตที่เราได้ลืมไปแล้ว
จงยอมรับและปล่อยให้มันผ่านเข้ามา อีกไม่นานมันก็จะผ่านไป ไม่มีสิ่งใดที่ควรแก่การผลักไส ไม่มีสิ่งใดควรต้องดึงรั้งไว้ ปล่อยให้สายธารของชีวิตผ่านหน้าเราไป ด้วยความเข้าใจในวิถีแห่งสรรพสิ่งที่ไม่อาจยึดมั่นสิ่งใดได้เลย
ดาบสนิรนาม
๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๗