คัมภีร์ที่ยังมิได้เปิดอ่าน

คัมภีร์ที่ยังมิได้เปิดอ่าน

 

                  มีผู้คนจำนวนมากต่างศึกษาคัมภีร์ทางศาสนาและอ่านหนังสือธรรมะหลากหลาย  แต่กลับหาความสงบใจไม่ได้   หลายคนมีการถกเถียงหัวข้อธรรมแสดงภูมิความรู้ของตนเพื่อให้คนอื่นเห็นความสามารถอยู่มากมาย  แต่ยามใดที่ประสบกับปัญหาชีวิตกลับหาทางออกไม่ได้   ความรู้ที่เคยอ่านและศึกษามามากมาย กลับช่วยอะไรในยามคับขันไม่ได้เลย

 

                  มีหลายคนถูกเพื่อนฝูงชักจูงให้ท่องเที่ยวไปทั่วทุกภาค เพื่อกราบพระอริยเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์และผู้ทรงฤทธิ์ที่วิเศษ  นอกจากการได้รับความปลื้มใจที่ได้ไปและได้รู้จักท่านผู้มีชื่อเสียงโดยไม่น้อยหน้าใคร  แต่ในส่วนลึกของหัวใจก็ยังรู้สึกว่าต้องไขว่คว้าต่อไป  ธรรมะที่จะบรรลุถึงได้ช่างอยู่ไกลแสนไกลยิ่งนัก

 

                  แท้จริงแล้ว เราอาจไม่รู้ หรืออาจไม่มีใครเคยบอกเราว่า "มนุษย์คือคัมภีร์ที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน"   การเข้าใจและเข้าถึงความหมายอันลึกซึ้งในคัมภีร์ย่อมเกิดขึ้นได้ที่ตัวมนุษย์นี้เอง

 

                  เมื่อใดที่เริ่มรู้ว่าแท้จริงแล้วกายและใจที่กำลังเป็นไปในขณะนี้คือคัมภีร์  ชีวิตนี้จะเริ่มรู้จักความเต็มเปี่ยมในชีวิตขึ้นมาทันที  แม้จะอ่านคัมภีร์ไม่ออกแม้แต่คำเดียว

 

                    อย่าปล่อยให้ชีวิตพลาดโอกาสจากการศึกษาคัมภีร์อันยิ่งใหญ่ คือกายยาววาหนาคืบและใจที่ทุกคนกำลังมีอยู่ขณะนี้    พระอริยเจ้าทั้งปวงทั้งที่ท่านแตกฉานในพระคัมภีร์และท่านที่ไม่เคยอ่านพระคัมภีร์   ล้วนเข้าถึงการรู้แจ้งในสัจธรรมเพราะคัมภีร์คือกายและใจของมนุษย์นี้นับแต่อดีตสู่ปัจจุบัน

 

                     พระอริยเจ้าคือผู้ที่เปิดอ่านคัมภีร์อันประเสริฐและยิ่งใหญ่ คือกายและใจของมนุษย์นี้จนแตกฉานแล้วปล่อยวางได้   ส่วนมนุษย์ปุถุชนคนทั่วไปยังไม่ได้เปิดอ่านคัมภีร์วิเศษนี้อย่างจริงจังเท่านั้น

 

                    อย่ามัวแต่วิ่งเที่ยวกราบพระอริยเจ้าตามที่ต่างๆในภายนอก   จงหันมาเปิดอ่านคัมภีร์ในตัวเองนี้ไปแต่ละวันทีละหน้า   วันนี้อาจศึกษาพระสูตรว่าด้วยความทุกข์และน้ำตา  วันพรุ่งนี้อาจเป็นพระสูตรที่กล่าวถึงศรัทธาในชีวิตที่ไม่มีการสิ้นหวังใดๆ

 

                     จงเริ่มหัดเปิดอ่านคัมภีร์เหล่านี้ทีละหน้า   จะเป็นความโกรธหรือความเมตตาเกิดขึ้นมา  ก็เพียงมีสติระลึกรู้   จงซื่อสัตย์ต่ออารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ตามความเป็นจริง แล้วความแตกฉานในพระคัมภีร์ที่แท้จริงจะบังเกิดขึ้นในชีวิตของทุกคน

 

                      คัมภีร์ในทางศาสนาทั้งปวงในโลกนี้ ล้วนมีอยู่ภายในตัวเราแต่ละคนนี้ทั้งสิ้น   เพียงแต่ยังเป็นคัมภีร์ที่ยังมิได้รับการเปิดอ่านด้วยความเคารพและจริงใจเท่านั้น

 

                     อ่านคัมภีร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรและอ่านธรรมะกันมากแล้ว   ต่อไปนี้ จงหันมาเปิดอ่าน "คัมภีร์ภายใน"คือตัวเรานี้ให้แตกฉาน

 

                     ผลแห่งการเรียนคัมภีร์วิเศษนี้จะได้รับความมหัศจรรย์  คือจะกลายเป็นผู้แตกฉานทั้งพระคัมภีร์ในภายนอกและคัมภีร์ภายใน  นั่นแหละคือผู้ที่จะทรงไว้ซึ่งพระศาสนาของพระศาสดาอย่างแท้จริง

 

                     มีข้อแม้อยู่เพียงประการเดียวเท่านั้น  นั่นคือเธอจะต้องเงียบ  ปราศจากสุ้มเสียงใดๆ  ปล่อยให้เหตุการณ์และทุกสิ่งเลื่อนไหลไป  ไม่ไขว่คว้าหรือยึดสิ่งใดไว้ ไม่ปฏิเสธหรือผลักไสสิ่งใดออกไป  เพื่อที่เธอจะสามารถได้ยิน   เพื่อที่จะได้อ่านคัมภีร์ภายในตน อย่างเงียบสงบและมีความสุขตามลำพัง

 

 

                                                                              ดาบสนิรนาม

                                                                         ๓  มิถุนายน  ๒๕๕๗