ชีวิตในศาสนา
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ชีวิตในศาสนา
ชีวิตของบุคคลในศาสนา เป็นชีวิตของผู้ที่มีความสุขจากการไม่ต้องมีครอบครัว ความสุขชนิดนี้ท่านเรียกว่า “นิรามิสสุข” คือความสุขที่ไม่ต้องอาศัยเหยื่อล่อ ผิดจากความสุขทางโลก ที่ต้องอาศัยเหยื่อจึงจะทำให้เกิดความสุข
ความสุขทางโลกจึงเรียกว่า “อามิสสุข” คือความสุขจากการที่ต้องอาศัยเหยื่อ เป็นความสุขที่มักตามมาซึ่งความเผ็ดร้อนและความกระวนกระวายใจอยู่เสมอ ผู้ที่อยู่กับความสุขชนิดนี้จิตจึงยากที่จะสงบสุข มีสมาธิ และปลอดโปร่งหัวใจ เป็นชีวิตที่วิ่งไล่ไขว่คว้าความสุขอยู่ตลอดเวลา สิทธัตถะกุมารพระองค์ทรงมีความสุขแบบนี้ตลอดมาก่อนออกแสวงหานิรามิสสุข
ผู้ที่ยังยินดีพอใจในวิสัยของชาวโลก จึงยากจะเข้าใจชีวิตของผู้ใช้ชีวิตในทางศาสนา เปรียบเหมือนชีวิตของนกที่บินไปในท้องฟ้า ย่อมไม่เป็นที่เข้าใจของปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ ปลาย่อมสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่านกบินได้อย่างไร เพราะตามวิสัยของปลา ย่อมคิดว่าการจะมีชีวิตอยู่ได้ ต้องอาศัยการแหวกว่ายอยู่ในน้ำเท่านั้น
การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะมีใจยินดีและมีความสุขในทางศาสนา จะต้องมีสติปัญญามองเห็นว่าสิ่งที่ตนเองเคยดิ้นรนแสวงหาและเคยมองเห็นเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ แท้จริงแล้ว ถึงวันหนึ่งเมื่อต้องละโลกนี้ไป สิ่งที่เคยหวงแหนยึดมั่นว่าเป็นสาระทั้งหลาย สุดท้ายก็ไม่มีสิ่งใดเป็นแก่นสาร ที่จะติดตามตัวเองไปได้ในโลกหน้าแม้แต่สิ่งเดียว
ทรัพย์สินเงินทองที่สั่งสมมาแทบตาย ที่สุดก็เอาติดตัวไปไม่ได้แม้แต่น้อย สามีภรรยาที่เคยรักและหวงแหนกันสักแค่ไหน เมื่อเราตายไป เขาก็อาจไปมีคนใหม่และลืมเราได้สนิท ไม่สมกับที่ร้องไห้ฟูมฟายแทบขาดใจในวันเผาเราแม้แต่น้อย ลูกหลานที่เคยเอาแต่นั่งคอยพึ่งพาเราเหมือนจะพึ่งตัวเองไม่ได้ แต่สุดท้ายเขาก็อยู่ได้กันสุขสบายกันทุกคน บางทีกลับสนุกสนานผลาญทรัพย์ที่เราอุตส่าห์อดออมไม่กล้าใช้มาตลอดชีวิต พวกเขากลับเอาไปทำอย่างอื่นและลืมทำบุญให้เราก็มี นี้คือการมองเห็นความไม่มีสาระของสิ่งที่ตัวเองเคยยึดมั่นว่าเป็นสาระ
จิตใจของผู้สละทางโลกได้ ย่อมมาจากจิตใจที่มองเห็นความไม่เป็นแก่นสารของชีวิต จึงได้อุทิศตนให้กับศาสนา เพราะรู้ว่าก่อนร่างกายนี้จะแตกดับลง เราก็ยังได้เอาร่างกายและหัวใจนี้ทำคุณประโยชน์ในการค้ำจุนพระศาสนาให้มั่นคงยืนยาวสืบไป
หากจะเอาร่างกายและหัวใจนี้ ไปทุ่มเทแสวงหาในสิ่งที่คนทั่วไปพากันยินดีนั้นก็ทำได้ บางทีอาจจะทำได้ดีกว่าและมากกว่าคนอีกหลายคน แต่เมื่อมองเห็นหนทางอันประเสริฐคือทางหลุดพ้นและการที่ชีวิตย่อมสามารถมีความสุขได้ ด้วยการมีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายและสบายใจไปแต่ละวันเท่านั้นเอง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไขว่คว้าอะไรให้มากมาย ชีวิตนี้ก็มีความสุขแล้ว
การจะใช้ชีวิตในทางศาสนาอย่างมีความสุข ต้องมองเห็นคุณค่าของการดำรงอยู่ของศาสนามากกว่าสิ่งอื่น มองเห็นความเสียสละอุทิศตนของบุคคลที่ท่านสืบอายุพระศาสนามาถึงพวกเรา จนเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาในดวงใจว่า ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปจากนี้ ขออุทิศให้กับพระพุทธศาสนา เพื่อให้เป็นแสงสว่างต่อมวลมนุษย์ให้ยืนนาน เราจะขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยค้ำจุนส่งเสริมให้พระอริยเจ้าทั้งปวงได้ประกาศศาสนาเพื่อชาวโลกต่อไป
หัวใจของบุคคลที่เอาพระศาสนาเป็นหลักชัยเช่นนี้ ความรักตามวิสัยของชาวโลกทั่วไป ไม่อาจมาทำให้หัวใจของท่านต้องแปดเปื้อนหรือหวั่นไหวแม้แต่น้อย
ความรักตามวิสัยของชาวโลก เปรียบเหมือนแสงเทียนเล่มน้อย ที่ลมพัดมานิดหน่อย เทียนนั้นก็ดับ ส่วนความรักของบุคคลที่อุทิศตนให้ศาสนา ย่อมเหมือนแสงสว่างจากหลอดไฟฟ้า แม้พายุจะพัดกล้าสักเพียงใด แสงไฟนั้นก็ไม่มีทางดับได้ ความรักแบบสามีภรรยาหรือหนุ่มสาวทั่วไป จึงไม่อาจนำมาเทียบกับความรักอันยิ่งใหญ่กับความรักพระศาสนาได้เลย
ไม่ต้องกล่าวถึงหัวใจของบุคคลที่ท่านเข้าถึงสัจธรรม บรรลุธรรมถึงขั้นพระอนาคามีพระอรหันต์ ซึ่งจิตของท่านก้าวข้ามพ้นความรักทั้งปวงตามวิสัยชาวโลกได้เด็ดขาดแล้ว เพียงแค่พระอริยบุคคลชั้นต่ำคือพระโสดาบัน หัวใจอันเปี่ยมล้นในความรักต่อพระรัตนตรัยของท่าน ย่อมไม่มีสิ่งใดมาทำให้ไหวหวั่น หรือโยกโคลงศรัทธาอันมั่นคงของท่านได้อีกแล้ว
ความรักของท่านจึงมีความผ่องแผ้วและมีความแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นความรักที่ประณีตและสูงกว่าความรักแบบหญิงชายทั่วไป
จิตของพระโสดาบันจะมีความรักต่อพระศาสนาอย่างคงมั่น ยิ่งกว่าความรักอมตะของพระเอกนางเอกในนวนิยายหลายเท่า ความรักเช่นนั้นยังเต็มไปด้วยความหมองเศร้าขุ่นมัวตลอดทั้งเรื่อง แต่ความรักของพระโสดาบันที่เป็นความรักต่อศาสนา จะไม่ตกเป็นทาสของความรักแบบนั้น แต่จะมีความสุขจาการได้อุทิศกายและใจเพื่อบูชาพระรัตนตรัยเป็นสำคัญ ส่วนความรักแบบชาวโลกทั้งปวงนั้น ไม่มีความสำคัญสำหรับท่านแต่อย่างใด
ความรักตามแบบชาวโลก มุ่งหวังความสุขที่รออยู่เบื้องหน้า แต่ความรักของพระอริยบุคคลที่มีใจมั่นคงต่อศาสนา จะมีความสุขในชีวิตปัจจุบันตลอดเวลา เพราะภายในหัวใจจะเต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นว่า อย่างไรเสียพรุ่งนี้ก็ต้องดีเหมือนวันนี้แน่นอน หากใจของเราดี
ชีวิตของบุคคลที่มีความสุขในทางศาสนา ความสุขนั้นย่อมไม่ขึ้นกับวัตถุสิ่งของภายนอก เพียงมีอาหารพออิ่มท้องไปวันหนึ่ง ชีวิตนั้นก็มีความสุขแล้ว เพราะบุคคลชนิดนี้ค้นพบเคล็ดลับของความสุขในชีวิตแล้วว่า ความสุขทั้งมวลอยู่ที่ใจของเรานี้เอง
ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงทรงตรัสสรรเสริญชีวิตที่ประเสริฐเช่นนี้ว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกของเราผู้โสดาบัน แม้นุ่งท่อนผ้าเก่าๆ หาเลี้ยงด้วยปลีแข้ง เธอไม่มีสมบัติสิ่งใดในสายตาชาวโลก แต่ถึงอย่างนั้น ชีวิตของเธอก็ประเสริฐกว่าการเป็นเทพเจ้าในสิบหกชั้นฟ้า ประเสริฐกว่าการเป็นพระราชาผู้ครอบครองอาณาเขตในทวีปทั้งสี่ ประเสริฐกว่าการเป็นอธิบดีความเป็นใหญ่ในโลกทั้งปวง
ชีวิตของเธอย่อมไม่มีการตกต่ำเป็นธรรมดา เธอจะไม่มีการตกไปสู่สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรกอีกแล้ว เป็นผู้เที่ยงแท้ที่จะได้ตรัสรู้ต่อไปในเบื้องหน้า เกิดใหม่ไม่เกินเจ็ดชาติก็จะบรรลุเป็นพระอรหันต์”
บุคคลที่มีใจมั่นคงต่อพระรัตนตรัย ความรักในหัวใจของเขาหรือเธอจะไม่เหมือนความรักของคนทั่วไปอีกแล้ว เพราะภูมิจิตได้เลื่อนสูงขึ้นจนมีความรักชนิดใหม่ขึ้นมาแทนที่ นั่นคือ “ความรักในศาสนา” อันเป็นความรักที่มีความอบอุ่นใจตลอดเวลา เป็นความรักที่เหนือกว่าความเป็นหญิงเป็นชาย เป็นความรักที่จะพากันออกจากวัฏฏสงสารเป็นหลักใหญ่ เป็นความรักที่วันวาเลนไทน์ไม่มีความหมายอีกต่อไป เพราะเป็นรักที่ยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่าการแต่งงาน
หากบุคคลใดเกิดปัญญามองเห็นชัดด้วยตนเองว่า ชีวิตของคนเราอยู่ไม่นานนักก็ตายแล้ว แต่ละคนต้องพลัดพรากจากลูก จากสามีภรรยา จากญาติมิตรเพื่อนฝูง จากทรัพย์สมบัติและอำนาจเกียรติยศทั้งปวง หากวันใดความตายมาถึงในวันหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ย่อมติดตามเราไปสู่สัมปรายภพไม่ได้แม้แต่เงินบาทเดียว
เมื่อมองเห็นว่า “ผู้คนทั้งหลาย ไม่มีใครติดตามเราไป เมื่อเราไปสู่โลกหน้า” จิตของผู้นั้นย่อมคลายความยึดติดจากความหลงในสงสาร ใจย่อมจางคลายจากความรักความชัง จิตย่อมคลายจากพันธนาการเครื่องร้อยรัดทั้งปวง มองเห็นอย่างเด่นชัดว่า สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี
นี้คือหัวใจของบุคคลผู้ใช้ชีวิตในศาสนา เปรียบดังนกที่บินไปในฟากฟ้ากว้าง การเกี่ยวข้องกับปลาที่อยู่ในน้ำ ก็ด้วยน้ำใจเกื้อการุณย์และหวังอนุเคราะห์เกื้อกูลเพื่อสร้างปีกให้ปลาบินได้เท่านั้น แต่ปลาส่วนใหญ่ก็พอใจจะแหวกว่ายเล่นน้ำกัน ปลาที่คิดจะติดปีกบินได้นั้นหาได้ยากเต็มที
แต่ก็ยังมีปลาที่พร้อมจะบินอยู่ พระอริยเจ้าทั้งปวงท่านก็อยู่เพื่อปลาชนิดพิเศษนี้นั่นเอง ถ้าเอาตามหัวใจของท่านแล้ว ท่านย่อมพอใจเหินบินไปอย่างอิสระในท้องฟ้ามากกว่า
ชีวิตของบุคคลในศาสนา ย่อมมองเห็นในสิ่งที่ต่างจากคนทั่วไปว่า การแต่งงานมีครอบครัวและการแสวงหาทรัพย์สินเงินทอง อำนาจ เกียรติยศ ตำแหน่งต่างๆเป็นเพียงการทำในสิ่งที่ร้อยรัดตัวเองไว้ในวัฏฏสงสาร มีความวิตกกังวลและหม่นหมองใจเป็นเบื้องหน้า
แท้ที่จริงแล้วยังมีความรักที่มีความสุขกว่าและประณีตกว่านั้น คือความรักที่อุทิศตนให้กับศาสนา อันเป็นความรักที่อบอุ่นและแจ่มใสตลอดเวลา
ความรักเช่นนี้แหละที่เติมเต็มหัวใจของพระอริยเจ้าทั้งหลาย ให้ท่านมีความสุขและอิ่มเย็นไม่มีวันเวลา อันเป็นความสุขที่ปลาไม่มีวันเข้าใจความสุขของนกโดยแน่นอน
คุรุอตีศะ
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗