กว่าจะรู้สิ่งที่ใจต้องการ

กว่าจะรู้สิ่งที่ใจต้องการ

 


                     ดึกสงัดเลยเวลาเที่ยงคืนไปนานแล้ว  แต่เธอคนดีคนนี้ยังนอนไม่หลับ  เธอพลิกตัวกลับไปกลับมานับครั้งไม่ถ้วน  ความจริงแล้วการนอนดึกของเธอเป็นเรื่องปกติมานานแล้ว  แต่คืนนี้ต่างจากคืนอื่นๆ  เพราะเธอมิใช่นอนไม่หลับอย่างเดียว แต่เธอยังนอนร้องไห้อีกด้วย!


                    หากเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องหรือคนใกล้ชิดรู้ว่าเธอผู้นี้นอนร้องไห้ เขาทั้งหลายจะพากันแปลกใจแกมไม่เชื่อว่าคนอย่างเธอนั่นหรือจะร้องไห้อย่างคนอื่นกับเขาเป็น ตลอดชีวิตในวัยสาวของเธอมีแต่ความร่าเริงเบิกบาน ไม่เคยมีความทุกข์ร้อนให้ใครเห็น ทุกลีลาเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ เป็นหญิงสาวสมัยใหม่ที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองและไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องง้อผู้ชาย  ตลอดชีวิตที่ผ่านมาจนบัดนี้ไม่เคยมีผู้ชายคนใดทำให้เธอต้องเสียน้ำตา ดังนั้น การจะสันนิษฐานว่าเธอร้องไห้เสียใจเพราะอกหักหรือผิดหวังในความรักนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้


                   เธอไม่ได้ร้องไห้เสียใจเพราะอกหักในเรื่องผู้ชาย แต่กำลังอกหักในสิ่งคนทั้งหลายยากจะเข้าใจ นั่นคือเธอกำลังนอนร้องไห้เพราะความเสียใจจากการ “อกหักเพราะญาติพี่น้อง”


                  เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ใช่แต่คนอื่นเท่านั้นที่ยากจะเข้าใจ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้กับชีวิตของเธอ


                 ชีวิตของคนเรานั้น  กว่าจะค้นพบว่าตัวเองต้องการอะไร ก็จนกว่าชีวิตล่วงสู่วัยสี่สิบอย่างนี้ก็มีอยู่มาก กว่าบทเรียนในชีวิตแต่ละบทแต่ละตอนจะสอนให้ค้นพบตัวเองได้ เธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่จัดอยู่ในหมู่คนประเภทนั้น


                 เธอเป็นสาวสวย ทรงเสน่ห์ มีทั้งความรู้ความสามารถที่หนุ่มใหญ่น้อยทั้งหลายหมายปอง  แต่เธอก็ทำให้หนุ่มๆทั้งหลายอกหักไปคนแล้วคนเล่า เพราะรู้สึกว่าเขาเหล่านั้นไม่สามารถเป็นผู้นำของเธอได้  เธอจึงมุ่งมั่นสร้างชีวิตจนกลายเป็นสตรีผู้โดดเด่นในวงสังคม  กลายเป็นสตรีนักบริหารคนหนึ่งที่ไม่น้อยหน้าใคร  เธอใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางวงสังคม พบปะกับผู้คนทุกระดับมากหน้าหลายตา  มีความสำเร็จ มีความก้าวหน้า จนชีวิตล่วงสู่วัยกลางคน


                 เนื่องจากเธอเป็นสตรีโสดที่เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวและตระกูล  ในขณะที่พี่น้องแทบทั้งหมดแต่งงานมีครอบครัวไปหมดแล้ว  พี่น้องก็อาศัยเธอนี่แหละเป็นศูนย์รวมทุกสิ่งเวลาจะมาเยี่ยมเยียนบิดามารดาพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งบ้าน  เนื่องจากเธอยังเป็นโสด ไม่มีลูก ไม่มีสามี ไม่มีภาระเหมือนคนอื่น  เวลาจะรวมญาติเธอจึงเป็นตัวจักรสำคัญในการซื้อหาทุกสิ่งทุกอย่างเตรียมการเพื่อให้แต่ละครอบครัวเขยสะใภ้ทั้งหลายมาสังสรรค์อย่างสุขสบาย แล้วเขาก็พาลูกพาเมีย พาสามีของเขากลับไป  ส่วนเธอในฐานะที่เป็นโสดไม่มีภาระเหมือนใคร ก็อยู่ดูแลความเรียบร้อยต่อไป ในฐานะผู้เสียสละและใจใหญ่ชอบทำสิ่งใดแบบทุ่มเทสุดตัว


                 พ่อแม่พี่น้องเขยสะใภ้และบรรดาญาติทั้งหลาย ล้วนอาศัยเธอนี้เป็นศูนย์รวมจิตใจ เพราะเธอมีนิสัยเสียสละ ทุ่มเท ไม่เคยเสียดายเงินทอง  ในขณะที่พี่น้องแต่ละครอบครัวมีเงินเก็บคนละหลายล้านสำหรับครอบครัวของเขา ส่วนเธอมีเท่าไหร่จ่ายหมดแทบไม่เหลือเงินเก็บไว้ติดตัว  พี่น้องคนใดเอ่ยปากหยิบยืม  เธอก็หยิบยื่นให้อย่างเต็มใจ  ส่วนใครจะคืนให้เมื่อไหร่ก็อยู่ที่ความสมัครใจของพวกเขาเป็นสำคัญ  ความหวั่นใจว่าเธอจะทวงคืนนั้น เป็นอันพับไปได้ 


                 ทุกครอบครัวและเหล่าญาติมีความสุข ท่ามกลางความเสียสละอย่างไม่เคยคิดคำนึงถึงอนาคตของตัวเธอเองเช่นนี้เรื่อยมา  ทุกคนต่างปลาบปลื้มและยกย่องว่าเธอเป็นคนดี คนเก่ง มีความสามารถในการจัดการทุกสิ่งอย่างมีประสิทธิภาพและด้วยความพอใจของทุกฝ่าย  ใครขาดอะไรใครต้องการสิ่งใด  เธอก็วิ่งหามาให้สนองนโยบายเพื่อความสุขของทุกคน


                 เธอเป็นคนดี คนประเสริฐ เป็นที่ชื่นชมสรรเสริญของพี่น้องและคนในตระกูล มีความสุขและความอบอุ่นท่ามกลางญาติพี่น้องแม้ตนจะไม่ได้แต่งงาน จนกระทั่งเธอเคยคิดภูมิใจบ่อยครั้งว่า เรานี้ช่างตัดสินใจถูกต้องแท้ ที่บอกเลิกรักผู้ชายคนนั้นแล้วตัดสินใจไม่แต่งงาน เพราะต้องการเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อพ่อแม่และพี่น้อง และยังได้บอกเลิกรักผู้ชายอีกหลายคนที่เข้ามาติดพันในภายหลัง  นี้คือความเสียสละอันใหญ่หลวงที่เธอภาคภูมิใจตลอดมา โดยไม่เคยคิดเฉลียวใจว่าเหตุใดพี่น้องของตนทั้งหลายเหล่านั้น ทำไมไม่คิดเสียสละแบบตนบ้าง  แต่ละคนต่างปล่อยให้เธอเป็นผู้เสียสละอยู่คนเดียวตลอดมาเป็นเวลายี่สิบปี

  
                  แต่...ค่ำคืนนี้ ปัญหานี้ได้เข้าสู่ห้วงความคิดของกุลสตรีผู้นี้ตลอดทั้งคืน พร้อมทั้งมีเสียงสะอื้นที่เธอนอนฟังอยู่คนเดียว  เธอเริ่มคิดทบทวนว่า แท้จริงแล้ว ชีวิตของเรานี้ต้องการอะไรกันแน่  สิ่งที่ผ่านมาใช่สาระของชีวิตในการเกิดมาในชาตินี้ของเราแล้วหรือ..?..?


                 ความจริงแล้วความปกติสุขท่ามกลางญาติพี่น้อง ที่เคยเป็นตลอดมายี่สิบปีนั้นน่าจะยังคงมีต่อไป หากปีใหม่ที่ผ่านมา เธอจะไม่ทำตัว “ทรยศ”ต่อทุกคน ที่ไม่ยอมทำตนเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์คอยสนองนโยบายของแต่ละคนเหมือนทุกปี


                แต่มาปีใหม่ปีนี้ผิดจากปีก่อนๆ เพราะเธอผู้นี้ต้องการพักผ่อนจิตใจที่ตนวิ่งไล่ไขว่คว้าทะเยอทะยานเพื่อความสำเร็จในด้านต่างๆมาตั้งแต่จบการศึกษา  วัยของสตรีอายุสี่สิบปีแม้จะไม่มีคู่ แต่ก็ตรากตรำกับการงานมาไม่น้อย และเจ็บป่วยบ่อยไม่เหมือนตอนเป็นสาวรุ่นอีกแล้ว

 

             เธอมีความเหนื่อยล้าต่อชีวิต ไม่อยากบริการหรือรับใช้ใครอีกแล้วในวันหยุดยาวๆเช่นนั้น  อยากพักผ่อนอยากมีชีวิตที่เรียบง่าย  อยู่กับรูปแบบชีวิตของการไปวัดโดยไม่ต้องมีเงินเสมอไป  วัดที่ไม่เคยเรียกร้องต้องการสิ่งใดให้เธอต้องอึดอัดลำบากใจแม้แต่น้อย ไม่ต้องคอยรักษาฟอร์มรักษาเกียรติความร่ำรวย ได้พูดคุยกับแม่ชีที่รู้ใจที่สามารถพูดเปิดอกคุยกันได้ตามประสาลูกผู้หญิงด้วยกัน สิ่งเหล่านี้เธอได้รับจากสถานที่แห่งนั้น  ซึ่งเธอไม่เคยได้รับความบริสุทธิ์และความจริงใจเช่นนี้มาก่อนเลยนับแต่เริ่มชีวิตการทำงานเป็นต้นมา


             แท้จริงแล้วเธอคือสาวสังคมชั้นสูงและทันสมัย  การกิน การอยู่ การแต่งกาย ไม่เคยมีเสื้อผ้าชั้นนำชนิดใดที่เธอไม่รู้จัก เรื่องการซื้อหูฉลามจากเยาวราชเอาไปฝากใครต่อใครนั้นถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา  แต่การนอนกลางดินอย่างมีความสุขโดยมีหมาเป็นเพื่อนนอนเฝ้านี่สิ  เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้พบในชีวิตมาก่อน


          สิ่งนี้นั่นแหละคือสิ่งทำให้เธอรู้จักความสุขแบบ “ยากจนอย่างเต็มใจ”ชนิดไม่จำเป็นต้องอาศัยคำอธิบายใดๆจากใครอีกก็ได้ ซึ่งทำให้หัวใจของเธอเปลี่ยนไปจนสามารถ “ทรยศ”ไม่ยอมเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์คนเดิมเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา


          เธอค้นพบแล้วว่า ความสุขของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การทานอาหารในภัตตาคารมื้อละเป็นหมื่น ไม่ใช่การอยู่ในวงสังคมชั้นสูง  ไม่ใช่การมีเงินทองมากมายอะไรนัก เพียงแค่การรู้จักใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและติดดินมากขึ้น  ความสุขสงบที่แท้จริงก็เกิดได้แล้ว


              สังสรรค์ปีใหม่สนุกสนานเฮฮามายี่สิบปี  ก็ทำในเรื่องเดิมๆแบบเดิมๆในขณะที่แต่ละคนเริ่มส่อแววแก่เฒ่าขึ้นทุกปี  แต่ก็ไม่มีใครยอมรับความจริงทั้งที่รูปร่างหน้าตาแต่ละคนก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว  แต่ละคนดูเหมือน “พยายามทำตนให้สนุก”เสียมากกว่า  แต่เนื่องจากทุกคนไม่เคยล้มตัวลงมานอนดินอยู่ใกล้ๆหมา แล้วมองเมฆ มองดาวเดือนบนฟ้ากว้าง  จึงไม่มีทางเข้าใจว่าเหตุใดเธอจึงเปลี่ยนไปจากคนเดิม


             เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดทุกคนต้องมาโยนความผิดให้เธอ ในการที่เธอไม่ไปร่วมสังสรรค์กับพวกเขา  แต่เลือกเอาความสงบและการบำเพ็ญบุญกุศลแทนการทำในสิ่งไร้สาระที่ซ้ำซากทุกปีเช่นนั้น  ทุกคนยังต้องการให้เธอทำตัวเป็นเด็กรับใช้  มีหน้าที่ดูแลใครต่อใคร ทั้งหลานๆ ทั้งเขย ทั้งสะใภ้ จะได้มีความสนุกสนาน โทษฐานที่ยังเป็นโสดไม่ยอมแต่งงานเหมือนพวกเขา   พวกเขาจึงต้องการให้เธอเป็นผู้ไร้เดียงสาที่บำเพ็ญตนเป็นสาธารณะแก่ทุกคนต่อไป


             แท้ที่จริงพวกเขาโกรธที่เธอไม่ไปทำหน้าที่บริการ ให้พวกเขาสังสรรค์เพื่อความอิ่มหนำสำราญพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว  เขาไม่อาจครอบงำเธอและสั่งเธอได้เหมือนเมื่อก่อน  พวกเขาโกรธที่เธอเป็นตัวของตัวเอง  เธอเพิ่งทราบในตอนนี้เองว่า มีแต่พวกเขาหรือคนมีครอบครัวเท่านั้นที่มีสิทธิเป็นตัวของตัวเอง  แต่เธอผู้เป็นโสดนั้นไม่มีสิทธิเป็นตัวของตัวเองแต่อย่างใด


              เธอเช็ดน้ำตา แล้วเดินเข้าห้องพระ กราบสามครั้ง แล้วอธิษฐานขึ้นว่า “ ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ที่ข้าพเจ้ายอมเสียสละครองตัวเป็นโสด ก็เพื่อพ่อแม่ เพื่อญาติพี่น้อง เพื่อวงศ์ตระกูล ทั้งๆที่หากข้าพเจ้าตกลงปลงใจแต่งงานกับผู้ชายที่รักข้าพเจ้าอย่างจริงใจในครั้งนั้น  ความสุขและความเจริญรุ่งเรืองอาจมีมากกว่าพี่น้องทุกคนในวันนี้ด้วยซ้ำ แต่ที่ตัดสินใจทำลายความสุขและความหวังของตัวในครั้งนั้น ก็เพื่อทุกคนที่ทำให้เราต้องเสียน้ำตาในวันนี้นั่นเอง


                นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะมีชีวิตใหม่ ที่มีหัวใจเป็นตัวของตัวเอง ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร  จึงขอเดินไปตามเส้นทางสายประเสริฐสายนี้จนกว่าชีวิตจะหาไม่” แล้วเธอก็กลับเข้าที่นอน และนอนหลับไปอย่างไร้น้ำตา


             นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอไม่เคยรู้สึกว่า ปัญหา อุปสรรคและขวากหนามใดๆ  จะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับหัวใจของเธออีกแล้ว

 

                                                                                               คุรุอตีศะ
                                                                                         ๒๔  มกราคม  ๒๕๕๗