เพียงดอกหญ้าก็มีค่ามากแล้ว

เพียงดอกหญ้าก็มีค่ามากแล้ว

 

                 ใครๆก็ดูหมิ่นฉันว่าเป็นเพียงดอกหญ้า  มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามากมายแต่ละวัน แต่ไม่มีสายตาคู่ไหนให้ความสนใจที่จะเหลือบมองฉันแม้แต่น้อย

 

                ฤดูกาลที่ผ่านมา  ฉันได้มีวาสนาถือกำเนิดเกิดมาบนโลกใบนี้ ช่วงเกิดมาใหม่ๆท้องฟ้าสดใสและมีเมฆลอยเต็มไปหมด  พอตกตอนบ่าย สายฝนก็หลั่งไหลลงมาจากบรรดาเมฆเหล่านั้น

 

                ฉันเย็นสบายและชุ่มฉ่ำ แต่ในขณะเดียวกันฉันก็สำลักน้ำฝนจนแทบหายใจไม่ออก ในวันนั้นฉันก็เริ่มเรียนรู้ว่า แท้จริงแล้วการเกิดมา ไม่ได้รับแต่สิ่งดีเพียงด้านเดียว

 

                ในช่วงเวลาที่ฉันเริ่มเติบใหญ่  นับเป็นการโชคดีมาก ที่พวกมนุษย์ทั้งหลายไม่ค่อยได้ผ่านมาแถวนี้มากนัก  ฉันขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อผู้เป็นหลัก ที่ไม่นิยมต้อนรับพวกมนุษย์มากนัก ซึ่งทำให้ฉันได้มีโอกาสเติบโตอย่างเต็มที่

 

                เมื่อฤดูฝนผ่านพ้นไป  ฉันก็โตเป็นสาวรุ่นที่เขียวขจีสดใส  และก็มีหนุ่มๆสาวๆรุ่นเดียวกับฉันเกิดขึ้นอย่างมากมาย  เราต่างดีใจที่ได้เกิดมาชมโลกใบนี้ ต่างพากันชูช่อและก้านใบร่าเริงทั้งเช้าเย็น

 

                แต่พวกเราก็รู้ชะตากรรมของตัวเองดีว่า เราคงเกิดมาชื่นชมโลกใบนี้ไม่นานนัก สิ่งที่เรากลัวอย่างมาก ก็คือเครื่องตัดหญ้า ที่จะมาพรากชีวิตของพวกเราจากโลกใบนี้ แต่ก็ยังดี ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครนึกขึ้นได้จนสั่งคนให้มาตัดหญ้า  ทำให้ฉันและเพื่อนๆมีชีวิตอยู่ได้เรื่อยมาจนเข้าสู่ฤดูหนาว

 

               แม้ฉันจะโชคดีที่มีชีวิตยืนยาวจนก้าวข้ามฤดูและยุคสมัย แต่ฉันก็หวั่นใจขึ้นมาที่บอกใครไม่ได้ คือว่า เริ่มมีคนเข้ามาในสถานที่นี้

 

               มีเศษเหล็กใหม่เอี่ยมทาสีบรอนด์คันหนึ่งป้ายข้างหน้าข้างหลังสีแดง  ได้เข้ามาจอดใกล้ๆฉัน  แล้วหลังจากนั้นก็มีมนุษย์สองขาเดินลงมาแล้วเดินเฉียดฉันไป  ฉันตกใจและใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อเขาพยายามกลับรถและถอยรถ เพราะอีกไม่ถึงครึ่งเมตรเขาก็จะเหยียบฉันแล้ว แต่ในที่สุดฉันก็ยังดวงแข็งผ่านความเป็นความตายมาได้ นับว่าเป็นความโชคดีที่สุดอีกวันหนึ่ง

 

               อย่างที่บอกแล้ว  ฉันเป็นเพียงดอกหญ้า ที่ไม่มีค่าในสายตาของพวกมนุษย์  แต่ฉันก็ยังมีเพื่อนพิเศษจำพวกหนึ่งที่เห็นคุณค่าและให้เกียรติฉัน

 

              เพื่อนจำพวกนั้นก็คือไก่และสุนัข  สัตว์สองประเภทนี้ไม่มีทีท่าว่าจะล้างผลาญชีวิตฉันเท่ากับพวกมนุษย์ เพราะเขาไม่รู้จักมีดถางป่า และไม่รู้จักเครื่องตัดหญ้าที่แสนหนวกหู และเรามีสิทธิเท่าเทียมกันอย่างหนึ่งว่า หากวันใดมีเสียงเครื่องตัดหญ้า เราต่างก็รังเกียจและรำคาญเหมือนกัน

 

                  แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่เท่าเทียมกัน  คือพวกนั้นมีขาวิ่งหนีไปให้ไกลตามความชอบใจถึงไหนก็ได้ แต่ตัวฉันนี้ไซร้ แม้จะทุกข์ตรมเพียงใด  ก็ต้องทำใจรับความขื่นขมยอมรับชะตากรรม

 

              ฉันก็พอได้เพื่อนกับไก่พวกนี้ ที่มันเดินเข้ามาจิกทีสองทีทักทายฉันบ้างไปแต่ละวัน  ส่วนเจ้าสุนัขนั้นเขาเป็นลูกผู้ดีมีเงิน ได้รับการประคบประหงมจากเจ้าของจนฉันรู้สึกอิจฉา

 

              แต่แม้เขาจะได้รับความเอาอกเอาใจเพียงใด ก็ยังมีบางวันที่เขาไม่ได้ถือตัววิ่งมาแถวพวกฉัน แล้วก็ยกขาข้างหนึ่งขึ้นแล้วปล่อยสายน้ำเล็กๆมาราดรดฉัน  ซึ่งกลิ่นของมันนั้นแสนจะฉุนยิ่งนัก

 

             แต่ฉันก็ยังซึ้งใจที่สุนัขผู้สูงส่งยังเห็นฉันมีค่า  อุตส่าห์วิ่งมาเลือกฉันเป็นที่ระบายอารมณ์ แม้น้ำฝนของเขาจะมีรสชาติค่อนข้างขม  แต่ฉันก็ยังนิยมว่าอย่างน้อยก็ยังมีน้ำใจมาเยี่ยมเยียน

 

             ชีวิตของฉันทุกวันนี้  แม้ในสายตาของใครๆจะมองฉันอย่างดูหมิ่นและมองอย่างไร้ค่า  แต่ฉันก็มีความสุขและภูมิใจว่า การได้เป็นดอกหญ้า  เพียงแค่ได้เกิดมาและมีชีวิตอยู่ ก็มีค่ามากแล้ว

 

             ฉันยินดีที่เห็นดอกกุหลาบอันแสนงาม  ถูกผู้คนนำไปประดับไว้ในแจกัน กุหลาบเขางดงามและมีค่าเหมาะแก่การที่ผู้คนจะยกย่องเช่นนั้น

 

             ฉันชื่นชมและปลื้มใจ  ที่มองเห็นมนุษย์ผู้ใจบุญนำดอกบัวมาพับกลีบอย่างงดงาม แล้วตั้งไว้บูชาพระพุทธเจ้าหรือพระรัตนตรัย เพราะดอกบัวนั้นเขาเกิดมาเพื่อให้ผู้คนนำไปบูชาโดยเฉพาะ

 

             ฉันรู้สึกได้ถึงความสดใส ที่เห็นดอกดาวเรืองได้รับการประดับไว้หน้าหิ้งพระ เพราะมนุษย์ทั้งหลายล้วนต้องการความรุ่งเรือง ไม่ต้องการความอับเฉา ฉันจึงดีใจที่พวกเขายังไม่สิ้นความหวัง

 

          ส่วนดอกหญ้าที่อยู่ข้างทางอย่างฉันนี้  เพียงได้มีโอกาสโบกสะบัด โอนไหวล้อเล่นไปตามสายลมบ้าง ก็มีความสุขแล้ว  แท้จริงแล้วความสุขของฉันก็อยู่ตรงที่ไม่มีใครรู้จักนี้นั่นเอง

 

          ฉันไม่ต้องการถูกเด็ดไปประดับแจกัน  ไม่ต้องการให้ใครนั้นมาใส่ใจมากเกินไป ขอเพียงฉันได้แอบชื่นชมผู้คนที่ผ่านไปมาอย่างเงียบๆ เพียงเท่านี้ชีวิตของฉันก็ล้ำค่าและเต็มเปี่ยมแล้ว

 

            เพียงฉันได้มีโอกาสเกิดมา  ได้เติบโตจนผ่านพ้นสองฤดูกาล  ได้มีโอกาสชื่นชมสายลม และแสงแดด  ได้สัมผัสทั้งสายฝนและลมหนาว  เพียงเท่านี้ฉันก็คุ้มค่าในการได้เกิดมา เพราะแม้เป็นเพียงดอกหญ้า แต่ฉันก็ยังได้ทำหน้าที่ ได้ประดับโลกใบนี้ให้มีคุณประโยชน์และงดงาม

 

            แม้ว่าการเกิดมาประดับโลกของฉัน จะไม่มีใครมองเห็นและเดินผ่านเลยไป แต่ฉันก็ภูมิใจที่ฉันได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้พร้อมกับมนุษย์ทั้งหลาย

 

           ในท้ายที่สุดนี้  ฉันไม่ร้องขอสิ่งใดจากใครและโลกใบนี้  ไม่ใช่เพราะหยิ่งทระนงไม่งอนง้อใคร  แต่เพราะหัวใจของฉันนั้นเต็มเปี่ยมในทุกสิ่งแล้ว

 

           ฉันซาบซึ้งและขอบคุณทุกคนและทุกสิ่ง....  แม้เพียงเป็นดอกหญ้า ก็มีค่ามากแล้ว

 

 

                                                                                                             คุรุอตีศะ

                                                                                                   ๒๒  พฤศจิกายน  ๒๕๕๖