อย่ารอใครเข้าใจ

     อย่ารอใครเข้าใจ

 

            เหตุใดเล่าจึงต้องรอให้มีใครเข้าใจเสียก่อนจึงจะทำในสิ่งที่เรารัก  สิ่งที่เรารักและปรารถนาจะทำ ที่ไม่ได้เบียดเบียนใคร  นั่นย่อมเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่เราจะก้าวเดินในโลกกว้าง


          ความเข้าใจของใครอื่น  ก็คือสิ่งที่เขาต้องการจะให้เป็นไปตามใจของเขา  เขาอาจมองจากมุมมองของเขา  โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของเราก็ได้  และหากเป็นมุมมองที่เกิดจากความเห็นแก่ตัว  ชีวิตนี้ของเราคงไม่ต้องทำอะไร


           หลายคนที่ชีวิตต้องดักดานและอับเฉา  มีชีวิตที่ผ่านไปในแต่ละวันด้วยความเหงาและความว้าเหว่  สาเหตุหนึ่งก็มาจากการเอาแต่รอให้ใครเข้าใจเสียก่อน จึงจะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ


          ที่รอให้ใครเข้าใจ  ก็เพราะขาดความอาจหาญและการซื่อตรงต่อตัวเอง  และสิ่งนี้นี่แหละที่บั่นทอนความสุขความเบิกบานในชีวิตของผู้คนทั้งโลกอีกมากมาย


         อย่ามัวรอให้ใครเข้าใจอยู่เลย  มิฉะนั้น เราจะกลายเป็นคนที่ขลาดกลัวต่อโลกใบนี้  และจะทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเองอยู่ร่ำไป


         ผู้คนทั้งหลายในโลกมนุษย์นี้  ยกเว้นแต่พระอริยบุคคลชั้นโสดาบันขึ้นไปเท่านั้น  ที่จะมีความปรารถนาต่อผู้อื่นอย่างทุ่มเทและจริงใจ   ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนไม่ปรารถนาให้ใครมีความสุขหรือดีกว่าตน แม้กระทั่งพี่น้องของเราเอง  หากเรารอให้ทุกคนเข้าใจหมดทั้งโลกเสียก่อนจึงจะทำในสิ่งที่ตนเองปรารถนา  ขอรับรองว่า จะพบแต่ความหงอยเหงาและรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีสิ่งใดน่าพอใจตลอดชีวิต


         หากเจ้าชายสิทธัตถะรอให้พระเจ้าสุทโธทนะและพระนางพิมพาเข้าใจเสียก่อนจึงออกบวช  โลกนี้ก็ย่อมไม่มีผู้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของชาวโลก


         หากบิลล์  เกตต์  รอให้เรียนจบปริญญาจากฮาร์วาร์ดเสียก่อนจึงจะมาให้เวลากับคอมพิวเตอร์  โลกของเราในยุคปัจจุบันนี้ก็ย่อมไม่รู้จัก Windows Microsoft ที่แพร่ขยายสร้างคุณประโยชน์พลิกชีวิตของผู้คนทั้งโลกอย่างที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน


        หากสตีฟ จอบส์  รอให้ทุกอย่างพร้อมเสียก่อนจึงจะทำในสิ่งที่ตนเองใฝ่ฝัน  ป่านนี้โลกทั้งโลกจะยังไม่มีใครรู้จักมนุษย์อัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์แห่งยุคผู้นี้


         มนุษย์ผู้ที่ประสบความสำเร็จกับมนุษย์ผู้ล้มเหลวในชีวิต  มีข้อที่แตกต่างกันก็คือ  มนุษย์ผู้ล้มเหลวและรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างไร้ค่า  ก็เพราะมัวแต่รอว่า ให้ใครต่อใครเข้าใจเสียก่อนจึงจะทำในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน  ส่วนมนุษย์ผู้ประสบความสำเร็จนั้น  ย่อมมีความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง  แล้วกล้าที่จะก้าวเดินและทำในสิ่งที่ตัวเองรัก โดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร


         นี้คือเคล็ดลับอันยิ่งใหญ่ที่มนุษย์ผู้คิดจะทำอะไรให้สำเร็จ หรือคิดทำประโยชน์เพื่อชาวโลก พึงท่องไว้ในใจ อย่าให้ใครมามีอิทธิพลบั่นทอนจิตใจและความเชื่อมั่นของเรา  หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เรารักและไม่ได้เบียดเบียนใคร  หากเขารักและปรารถนาดีต่อเราจริง เขาต้องส่งเสริมและให้กำลังใจให้เราได้ทำในสิ่งที่เรารักและมีความสุขมิใช่หรือ  เพราะนี้คือสิ่งที่พิสูจน์ความรักแท้ประการหนึ่งจากหัวใจแต่ละดวง

 

         สำหรับผู้ที่ปรารถนาความสุขและความสำเร็จในชีวิต  ขอจงทำในสิ่งที่หัวใจของเราเรียกร้องต้องการเสียแต่ในวันนี้  เพราะมีแต่คนดีมีคุณธรรมประจำใจและมีความเกรงใจผู้อื่นทั้งนั้น  ที่ไม่กล้าทำในสิ่งที่หัวใจของตนเองปรารถนา  ส่วนคนที่เขาคิดเอาแต่ประโยชน์เข้าใส่ตน  เขาได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการไปก่อนเราตั้งแต่ปีมะโว้แล้วส่วนตัวเรานี้เพิ่งจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่านั้นเอง
   

      อย่ามัวไปหลงกลกับคนที่เขามุ่งเอาประโยชน์เข้าใส่ตนแล้วบังคับเราให้เสียสละ  แต่เราจงบอกกับเขาว่า “ถึงเวลาที่เธอควรเสียสละให้ฉันบ้าง”  เพราะการเสียสละที่เราต้องการให้เขากระทำนั้น  ไม่ได้ลำบากอะไรมากเลย  เพียงแค่ให้เราได้ทำในสิ่งที่ใจของเรารักและมีความสุขบ้าง  เราต้องการความเสียสละจากเขาแค่นั้นเอง
    

         คนดีมีศีลธรรมประจำใจส่วนใหญ่  ที่ชีวิตไม่สดใสและซึมเซาเหงาหงอย  ก็เพราะไปมัวแต่รอความเข้าใจและรอให้ใครๆเห็นด้วย  โดยลืมไปว่าสำหรับคนที่เขาเห็นแก่ตัวนั้น  เขาจะไม่มีวันเข้าใจและอนุมัติให้เราทำในสิ่งที่เราต้องการเป็นอันขาด  เพราะเขากลัวการสูญเสียผลประโยชน์ที่ได้รับมาเนิ่นนานจากเรา
   

          ในเมื่อเสียสละและช่วยเหลือใครต่อใครมามากแล้ว  ต่อไปนี้จงลุกขึ้นสู้และกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อหัวใจของตัวเอง หากเรายังรอให้ใครต่อใครเข้าใจเสียก่อนจึงจะทำในสิ่งที่เรารักและเป็นความดี  ตัวเรานี้จะต้องนึกเสียใจในภายหลัง  และคนที่เราเอาแต่รอให้เขาเข้าใจนั้น  ก็ไม่มีวันจะเข้าใจเราอีกตามเคย

         

          แต่หากเรากล้าหาญที่จะทำโดยไม่เสียเวลารอให้ใครเข้าใจ  แล้วมุ่งหน้าเดินต่อไปด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม  เราจะพบกับความภาคูมิใจและพบกับความสุขเป็นครั้งแรกในชีวิต  และจะมีแต่ความสดใสไปตลอด
       

          การเป็นคนดีมีศีลธรรมประจำใจนั้น เป็นอริยทรัพย์ที่ยากและน้อยคนจะมี เป็นสิ่งประเสริฐ  แต่สำหรับเรื่องของชีวิตแล้ว เป็นคนดีเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ  ต้องมีความกล้าหาญในการทำความดี และรู้จักปกป้องคุณความดีด้วย ชีวิตของบุคคลนั้นจึงจะมีความสมบูรณ์
        

           “เป็นคนดี และมีความกล้าหาญ” จำคำนี้ไว้ให้ดี  แล้วโลกนี้จะเป็นของเราทุกย่างก้าว  หลังจากนั้นชีวิตของเราจะทรงคุณค่า ที่จะกลายเป็นที่พึ่งได้ทั้งคนดีและคนชั่ว  เป็นที่พักพิงได้เสมอทั้งคนบาปและคนบุญ


           เป็นที่พึ่งให้คนบาป คนชั่ว  คนเลว  ในการช่วยดึงเขาขึ้นจากหล่ม ให้ออกจากความชั่วความเลว เพื่อให้เขาได้พบกับความสว่างของชีวิตตามกำลังบุญบารมีของเราที่เราจะทำได้  หลังจากที่เราเข้มแข็งแล้ว


           เป็นที่พึ่งของคนดี คนมีบุญ  เพื่อให้เขามีกำลังใจในการยืนหยัดทำคุณงามความดีต่อไป  ไม่ท้อแท้ต่อการทำคุณประโยชน์ต่อโลกใบนี้  ให้เขาผ่านอุปสรรคของชีวิตไปได้และสูงส่งยิ่งๆขึ้นไป

 

           ดังนั้น  เมื่อเราทั้งหลายทราบกลไกความเป็นไปของชีวิตเช่นนี้แล้ว  เราจงทำในสิ่งที่เป็นความสุขและความปรารถนาของเราเสียตั้งแต่วันนี้  อย่ามัวรอให้ใครมาเข้าใจหรือรอให้คนมากมายมาเห็นด้วยอยู่อีกเลย

                                                                                   

                                                                                    คุรุอตีศะ
                                                                           ๑๙  พฤศจิกายน  ๒๕๕๖