อย่ารอใครเข้าใจ
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
อย่ารอใครเข้าใจ
เหตุใดเล่าจึงต้องรอให้มีใครเข้าใจเสียก่อนจึงจะทำในสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เรารักและปรารถนาจะทำ ที่ไม่ได้เบียดเบียนใคร นั่นย่อมเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่เราจะก้าวเดินในโลกกว้าง
ความเข้าใจของใครอื่น ก็คือสิ่งที่เขาต้องการจะให้เป็นไปตามใจของเขา เขาอาจมองจากมุมมองของเขา โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของเราก็ได้ และหากเป็นมุมมองที่เกิดจากความเห็นแก่ตัว ชีวิตนี้ของเราคงไม่ต้องทำอะไร
หลายคนที่ชีวิตต้องดักดานและอับเฉา มีชีวิตที่ผ่านไปในแต่ละวันด้วยความเหงาและความว้าเหว่ สาเหตุหนึ่งก็มาจากการเอาแต่รอให้ใครเข้าใจเสียก่อน จึงจะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ที่รอให้ใครเข้าใจ ก็เพราะขาดความอาจหาญและการซื่อตรงต่อตัวเอง และสิ่งนี้นี่แหละที่บั่นทอนความสุขความเบิกบานในชีวิตของผู้คนทั้งโลกอีกมากมาย
อย่ามัวรอให้ใครเข้าใจอยู่เลย มิฉะนั้น เราจะกลายเป็นคนที่ขลาดกลัวต่อโลกใบนี้ และจะทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเองอยู่ร่ำไป
ผู้คนทั้งหลายในโลกมนุษย์นี้ ยกเว้นแต่พระอริยบุคคลชั้นโสดาบันขึ้นไปเท่านั้น ที่จะมีความปรารถนาต่อผู้อื่นอย่างทุ่มเทและจริงใจ ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนไม่ปรารถนาให้ใครมีความสุขหรือดีกว่าตน แม้กระทั่งพี่น้องของเราเอง หากเรารอให้ทุกคนเข้าใจหมดทั้งโลกเสียก่อนจึงจะทำในสิ่งที่ตนเองปรารถนา ขอรับรองว่า จะพบแต่ความหงอยเหงาและรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีสิ่งใดน่าพอใจตลอดชีวิต
หากเจ้าชายสิทธัตถะรอให้พระเจ้าสุทโธทนะและพระนางพิมพาเข้าใจเสียก่อนจึงออกบวช โลกนี้ก็ย่อมไม่มีผู้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของชาวโลก
หากบิลล์ เกตต์ รอให้เรียนจบปริญญาจากฮาร์วาร์ดเสียก่อนจึงจะมาให้เวลากับคอมพิวเตอร์ โลกของเราในยุคปัจจุบันนี้ก็ย่อมไม่รู้จัก Windows Microsoft ที่แพร่ขยายสร้างคุณประโยชน์พลิกชีวิตของผู้คนทั้งโลกอย่างที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน
หากสตีฟ จอบส์ รอให้ทุกอย่างพร้อมเสียก่อนจึงจะทำในสิ่งที่ตนเองใฝ่ฝัน ป่านนี้โลกทั้งโลกจะยังไม่มีใครรู้จักมนุษย์อัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์แห่งยุคผู้นี้
มนุษย์ผู้ที่ประสบความสำเร็จกับมนุษย์ผู้ล้มเหลวในชีวิต มีข้อที่แตกต่างกันก็คือ มนุษย์ผู้ล้มเหลวและรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างไร้ค่า ก็เพราะมัวแต่รอว่า ให้ใครต่อใครเข้าใจเสียก่อนจึงจะทำในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน ส่วนมนุษย์ผู้ประสบความสำเร็จนั้น ย่อมมีความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง แล้วกล้าที่จะก้าวเดินและทำในสิ่งที่ตัวเองรัก โดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร
นี้คือเคล็ดลับอันยิ่งใหญ่ที่มนุษย์ผู้คิดจะทำอะไรให้สำเร็จ หรือคิดทำประโยชน์เพื่อชาวโลก พึงท่องไว้ในใจ อย่าให้ใครมามีอิทธิพลบั่นทอนจิตใจและความเชื่อมั่นของเรา หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เรารักและไม่ได้เบียดเบียนใคร หากเขารักและปรารถนาดีต่อเราจริง เขาต้องส่งเสริมและให้กำลังใจให้เราได้ทำในสิ่งที่เรารักและมีความสุขมิใช่หรือ เพราะนี้คือสิ่งที่พิสูจน์ความรักแท้ประการหนึ่งจากหัวใจแต่ละดวง
สำหรับผู้ที่ปรารถนาความสุขและความสำเร็จในชีวิต ขอจงทำในสิ่งที่หัวใจของเราเรียกร้องต้องการเสียแต่ในวันนี้ เพราะมีแต่คนดีมีคุณธรรมประจำใจและมีความเกรงใจผู้อื่นทั้งนั้น ที่ไม่กล้าทำในสิ่งที่หัวใจของตนเองปรารถนา ส่วนคนที่เขาคิดเอาแต่ประโยชน์เข้าใส่ตน เขาได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการไปก่อนเราตั้งแต่ปีมะโว้แล้วส่วนตัวเรานี้เพิ่งจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่านั้นเอง
อย่ามัวไปหลงกลกับคนที่เขามุ่งเอาประโยชน์เข้าใส่ตนแล้วบังคับเราให้เสียสละ แต่เราจงบอกกับเขาว่า “ถึงเวลาที่เธอควรเสียสละให้ฉันบ้าง” เพราะการเสียสละที่เราต้องการให้เขากระทำนั้น ไม่ได้ลำบากอะไรมากเลย เพียงแค่ให้เราได้ทำในสิ่งที่ใจของเรารักและมีความสุขบ้าง เราต้องการความเสียสละจากเขาแค่นั้นเอง
คนดีมีศีลธรรมประจำใจส่วนใหญ่ ที่ชีวิตไม่สดใสและซึมเซาเหงาหงอย ก็เพราะไปมัวแต่รอความเข้าใจและรอให้ใครๆเห็นด้วย โดยลืมไปว่าสำหรับคนที่เขาเห็นแก่ตัวนั้น เขาจะไม่มีวันเข้าใจและอนุมัติให้เราทำในสิ่งที่เราต้องการเป็นอันขาด เพราะเขากลัวการสูญเสียผลประโยชน์ที่ได้รับมาเนิ่นนานจากเรา
ในเมื่อเสียสละและช่วยเหลือใครต่อใครมามากแล้ว ต่อไปนี้จงลุกขึ้นสู้และกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อหัวใจของตัวเอง หากเรายังรอให้ใครต่อใครเข้าใจเสียก่อนจึงจะทำในสิ่งที่เรารักและเป็นความดี ตัวเรานี้จะต้องนึกเสียใจในภายหลัง และคนที่เราเอาแต่รอให้เขาเข้าใจนั้น ก็ไม่มีวันจะเข้าใจเราอีกตามเคย
แต่หากเรากล้าหาญที่จะทำโดยไม่เสียเวลารอให้ใครเข้าใจ แล้วมุ่งหน้าเดินต่อไปด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม เราจะพบกับความภาคูมิใจและพบกับความสุขเป็นครั้งแรกในชีวิต และจะมีแต่ความสดใสไปตลอด
การเป็นคนดีมีศีลธรรมประจำใจนั้น เป็นอริยทรัพย์ที่ยากและน้อยคนจะมี เป็นสิ่งประเสริฐ แต่สำหรับเรื่องของชีวิตแล้ว เป็นคนดีเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ ต้องมีความกล้าหาญในการทำความดี และรู้จักปกป้องคุณความดีด้วย ชีวิตของบุคคลนั้นจึงจะมีความสมบูรณ์
“เป็นคนดี และมีความกล้าหาญ” จำคำนี้ไว้ให้ดี แล้วโลกนี้จะเป็นของเราทุกย่างก้าว หลังจากนั้นชีวิตของเราจะทรงคุณค่า ที่จะกลายเป็นที่พึ่งได้ทั้งคนดีและคนชั่ว เป็นที่พักพิงได้เสมอทั้งคนบาปและคนบุญ
เป็นที่พึ่งให้คนบาป คนชั่ว คนเลว ในการช่วยดึงเขาขึ้นจากหล่ม ให้ออกจากความชั่วความเลว เพื่อให้เขาได้พบกับความสว่างของชีวิตตามกำลังบุญบารมีของเราที่เราจะทำได้ หลังจากที่เราเข้มแข็งแล้ว
เป็นที่พึ่งของคนดี คนมีบุญ เพื่อให้เขามีกำลังใจในการยืนหยัดทำคุณงามความดีต่อไป ไม่ท้อแท้ต่อการทำคุณประโยชน์ต่อโลกใบนี้ ให้เขาผ่านอุปสรรคของชีวิตไปได้และสูงส่งยิ่งๆขึ้นไป
ดังนั้น เมื่อเราทั้งหลายทราบกลไกความเป็นไปของชีวิตเช่นนี้แล้ว เราจงทำในสิ่งที่เป็นความสุขและความปรารถนาของเราเสียตั้งแต่วันนี้ อย่ามัวรอให้ใครมาเข้าใจหรือรอให้คนมากมายมาเห็นด้วยอยู่อีกเลย
คุรุอตีศะ
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖