กล้าเดินแม้มืดมิด

กล้าเดินแม้มืดมิด

          ปัญหาชีวิตย่อมเกิดเมื่อกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมาว่า “เราจะเดินต่อเมื่อเป็นกลางวัน หรือต้องมีแสงสว่างเท่านั้น” เมื่อเกิดการพลิกผันจำเป็นจะต้องเดินทางกลางคืนหรือไม่มีแสงสว่าง ย่อมเป็นปัญหาขึ้นมาทันที

 

          ทำไมจะต้องมีกฎเกณฑ์ว่าจะต้องเดินตอนกลางวันเท่านั้น กลางคืนก็เดินได้เหมือนกันในเมื่อขาของเราไม่ได้พิการมิใช่หรือ? ความจริงแล้วไม่ได้เกี่ยวกับกลางคืนหรือกลางวันแต่อย่างใด แต่เกี่ยวกับหัวใจที่เอาแต่กำหนดกฎเกณฑ์จึงตึงเครียดตลอดเวลา เมื่อกลางวันเราเดินได้ ในกลางคืนที่มืดมิดหรือไร้แสงสว่าง เราก็ย่อมก้าวเดินไปได้เหมือนกัน ขอเพียงแต่ดวงใจนั้นอย่าได้หวาดหวั่นหรือมีเงื่อนไขว่ากลางคืนหรือกลางวันเท่านั้นพอ

 

          อย่ามัวเลือกหรือมีกฎเกณฑ์ว่าจะเดินแต่กลางวันเท่านั้น  หากถึงคราวสำคัญแม้เป็นกลางคืนที่มิดมิดสักเพียงใด ก็จงก้าวขาออกไปแล้วยืดตัวออกเดินอย่างมั่นใจเถิด แล้วบางทีเราอาจพบกับความหรรษาที่ได้รู้ว่าการเดินทางในค่ำคืนอันมืดมิดและทุกคนหลับสนิทนั้นช่างมีมนต์ขลังและมีเสน่ห์ยิ่งนัก ที่เราไม่เคยนึกว่าจะได้สัมผัสความงามในยามค่ำคืนเช่นนี้มาก่อน 

 

          นั่นคืออาจเป็นการเดินทางอันเป็นภายนอก  แต่สำหรับการเดินทางของชีวิตก็ทำนองเดียวกัน เราต้องก้าวเดินได้เสมอไม่ว่าขณะนี้ชีวิตของเราจะสว่างไสวหรือมืดมิดก็ตาม 

 

         บางครั้งเราอาจมีความหวาดกลัว เพราะไม่ทราบว่าข้างหน้าที่มืดมิดนั้นจะพบและเจออะไรบ้าง อาจวิตกว่าจะเหยียบงู เหยียบสัตว์มีพิษ แต่ก็จงเชื่อเถิดว่าสัตว์ที่เรากลัวเขาเหล่านั้น เขาก็กลัวเราเหมือนกัน และมันย่อมไม่ปรารถนาจะให้เราไปเหยียบถูกเขาพอๆกับที่เราก็ไม่อยากเจอเขาเช่นกัน 

 

         บางครั้งในความมืดนั้น เราอาจกลัวตกหลุมตกบ่อ แต่เราก็ต้องเชื่อมั่นว่าหลุมและบ่อนั้นน้อยนักที่จะเกิดบนหนทาง และหากจะมีจริงๆ ขาของเราจะมีความศักดิ์สิทธิ์พอที่จะยั้งไว้ได้ทัน แล้วหลบเลี่ยงได้ทันควัน แม้บางทีหัวใจอาจจะสั่นด้วยความตื่นเต้นบ้าง ก็เป็นเกมในชีวิตจริงที่เราควรภูมิใจ 

 

        มนุษย์เราส่วนใหญ่มักได้ใช้ชีวิตเพียงด้านเดียว จึงไม่มีโอกาสรู้รสชาติและความมีเสน่ห์ของชีวิตอีกด้านหนึ่ง  ซึ่งบางทีอาจมีเสน่ห์อย่างคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ คนที่ร่ำรวยก็มักอยู่แต่ในความสะดวกสบาย ไม่กล้าที่จะใช้ชีวิตที่คนจนเขาเป็นอยู่  คนรวยทั้งหลายจึงมีความวิตกกังวลและมีความทุกข์อยู่ข้อหนึ่งที่ไม่ควรจะมีคือกลัวว่า

 

        จะจน  ทั้งๆที่ในปัจจุบันนี้ตนเองก็มีอาหารอยู่เต็มตู้เย็นและเทอาหารที่เหลือทิ้งทุกวัน แต่แม้กระนั้นก็ยังพากันกลัวว่าจะจนอยู่ได้ช่างน่าอัศจรรย์นัก ส่วนคนจนที่เบิกค่าแรงจากคนรวยวันนี้ได้แล้วจะไปซื้อข้าวสารตุนไว้สักห้าลิตรพร้อมน้ำปลาอีกห้าขวด กลับนอนหลับสบายตั้งแต่ยังไม่ถึงสองทุ่ม ใครกันแน่หนอจะน่าอิจฉากว่ากัน

 

        ใครบอกว่าชีวิตคนจนจะมีแต่ความทุกข์อย่างเดียว นั่นอาจเป็นการเข้าใจผิดก็ได้ เพราะมีคนจนอีกมากมายกลับคุยกันทักทายกันสนุกสนาน แต่คนรวยกลับนั่งหน้ามุ่ย คนรวยบางคนได้กำไรเพียงหนึ่งล้าน จากที่เคยได้สองล้านทุกข์ใจจนนอนไม่หลับ  ส่วนคนจนที่ได้รางวัลแห่งความขยันจากเจ้านายเพิ่มหนึ่งร้อยบาท กลับยิ้มได้ทั้งครอบครัว ในขณะที่ถึงเที่ยงคืนแล้ว คนรวยยังนอนลืมตาโพลงมองเพดาน แต่คนจนพากันนอนหลับทั้งบ้านด้วยความอิ่มใจตั้งแต่ละครทีวียังไม่หมดเวลา แล้วจะมาหาว่าคนจนมีแต่ความทุกข์ได้อย่างไร 

 

        อย่าปล่อยให้ชีวิตเคยชินแต่กับการเดินทางที่มีแสงสว่างหรือตอนกลางวันเท่านั้น นั่นจะทำให้ชีวิตของเราเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและอ่อนแอได้  บางครั้งชีวิตต้องกล้าที่จะก้าวเดินไปแม้ว่าเวลานี้จะมืดมิดสักเพียงใดก็ตาม  อย่ามัวแต่กลัวว่าจะมีขวากหนาม หรือวิตกว่าจะเจอหลุมบ่อ ขอให้กล้าก้าวเดินเท่านั้น แล้วชีวิตจะมอบความอัศจรรย์ให้แก่เรามากมาย ชนิดที่ว่าจากที่เราเอาแต่เดินทางตอนกลางวันตลอดมานั้นไม่อาจเทียบได้ พระธุดงค์ผู้ทรงตบะก่อนที่ท่านจะบรรลุธรรม ท่านก็มักอาศัยยามค่ำคืนในการจาริก เพราะเป็นการหลีกเร้นจากผู้คนไม่ให้ใครมาพบเห็นว่าท่านเดินจาริกธุดงค์ อันทำให้ได้รับรสความสุขจากความวิเวกและได้รับพลังอันเร้นลับแห่งราตรีและดวงดาว  การจาริกในยามค่ำคืนจึงเป็นความผาสุกของท่านอย่างยากจะอธิบาย

 

        ขอให้เราทั้งหลายที่ยังต้องเวียนว่ายในสังคมที่มีทั้งสุขและทุกข์  จงยอมรับทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต บางครั้งอาจมีกำลังใจอันใหญ่หลวง แต่บางครั้งก็หมดกำลังใจและท้อแท้เสียเต็มประดา ก็จงรู้เถิดว่านั่นเป็นธรรมดาของชีวิตที่เกิดขึ้นแก่ทุกคน  เราต้องก้าวเดินไปบนเส้นทางของชีวิตด้วยดวงใจที่มั่นคงเสมอ ไม่ว่าจะสว่างเป็นกลางวัน  หรือว่าชีวิตของเราขณะนี้นั้นจะมืดมิดไร้แม้เงาของพระจันทร์ เพียงกล้าก้าวเดินต่อไป เพราะเดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว รุ่งอรุณแห่งวันใหม่ก็จะส่องแสงอรุโณทัยมาเป็นเพื่อนปลอบขวัญเราแล้ว

 

คุรุอตีศะ

๓๐  สิงหาคม  ๒๕๕๖