สิ่งดีงามที่ซ่อนอยู่

 สิ่งดีงามที่ซ่อนอยู่

 

น้ำที่ใสเกินไป ก็ไม่มีปลาอาศัยอยู่ได้

 

หากไม่ยอมเปรอะเปื้อนหรือสูญเสียอะไรไปบ้างเลย เราจะช่วยเหลือใครหรือเป็นที่พึ่งให้แก่ใครไม่ได้

 

การลงไปช่วยคนจมน้ำ เราก็ต้องยอมเปียกน้ำหรือเสี่ยงที่จะต้องจมน้ำ

 

การลงไปช่วยคนที่ติดอยู่ในโคลน เราก็ต้องยอมเปื้อนโคลน ยอมสกปรกมอมแมมบ้างเป็นธรรมดา

 

เมื่อช่วยเขาสำเร็จแล้ว เนื้อตัว เสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมม เมื่อซักหรือล้างแล้ว ก็จะกลับมาสะอาดผุดผ่องเหมือนเดิม

 

แต่สิ่งที่ได้ตลอดไป คือ..

 

การที่เราตัดสินใจยื่นมือเข้าไปช่วยคนที่กำลังจะจมน้ำหรือกำลังติดในโคลนขึ้นมาได้..

 

จะทำให้เรามีความสุข อิ่มเอิบใจ ภาคภูมิใจในตัวเอง ตราตรึงอยู่ในหัวใจไปตลอดชีวิต

 

ซึ่งแทบทั้งหมด เราแทบจะไม่มีโอกาสได้กระทำในสิ่งที่เราได้ตัดสินใจด้วยเจตนาบริสุทธิ์เช่นนั้นอีกเลย

 

โอกาสในการทำความดีหรือช่วยเหลือคนในยามทุกข์ร้อน จึงไม่ใช่จะมีโอกาสเสมอไป

 

บางคนเกิดมาตลอดชีวิต ยังไม่เคยได้ทำอะไรที่จะได้ช่วยเหลือใครหรือสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ตนเองได้เช่นนั้นเลยก็มี

 

เวลาถูกเอารัดเอาเปรียบ คดโกง หักหลัง ทรยศหรือผิดหวังเสียใจ

 

เมื่อวันเวลาผ่านไปจนเรามีสติแล้วย้อนมองคืนกลับหลังให้ดี

 

เราจะพบว่า ในท่ามกลางความเสียใจที่ถูกเอาเปรียบ มักจะมีความโชคดีบางอย่างหรือมีสิ่งดีๆ ตามมาเสมอ

 

บางทีการที่เราประสบความสำเร็จอย่างมากมายในวันนี้ ก็เพราะเราเคยถูกทรยศหักหลังหรือถูกเอารัดเอาเปรียบมาก่อน เป็นบุญติดตัวมาโดยที่เราไม่รู้หรือไม่เข้าใจ

 

สิ่งที่เราคิดว่าคือความสูญเสียในวันนั้น กลับกลายเป็นพลังที่ศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครอง ทำให้ชีวิตของเรามีความสุขหรือมีความสำเร็จเช่นวันนี้

 

ดังนั้น ท่านจึงสอนว่า ท่ามกลางมรสุมของชีวิต หรือท่ามกลางอุปสรรคปัญหาที่หม่นหมอง

 

ขอให้เราตั้งมั่นในความดีไว้ ตั้งจิตไว้ที่ความเมตตา เห็นอกเห็นใจ และให้อภัยเป็นหลัก 

 

โดยไม่นึกถึงผลที่จะได้รับกลับมาว่าจะเป็นไร จะออกมาในรูปไหนเสียทุกครั้งไป

 

แล้วสิ่งดีงามที่ซ่อนตัวไว้ จะเผยตัวออกมาชดเชยสิ่งที่เคยขาดหายไป ให้ชีวิตพบความสำเร็จสมดังปรารถนา 

 

เพราะว่าในท้ายที่สุดแล้ว ธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอไป

 

คุรุอตีศะ

๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘