กำลังใจวัยชรา

 กำลังใจวัยชรา

 

กำลังใจในวัยชราเกิดจากความสามารถในการมองโลกในแง่ดี

 

หันมารู้จักความสุขจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว 

 

เช่น รดน้ำต้นไม้ เดินเล่นในสวน มองพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า 

 

หรือสวดมนต์บทสั้นๆ หรือทำสมาธิสัก ๑๐ นาที ความสุขในวัยชราก็มีได้แล้ว

 

คนวัยชราต้องปรับตัวใหม่ 

 

ต้องไม่เดินตามมาตรฐานของสังคมที่เน้นความสำคัญของสิ่งภายนอก

 

แต่หันมาให้ความสำคัญกับความคิด ความรู้สึกภายใน 

 

หมั่นรู้สึกตัว หมั่นมีสติ ดูกาย ดูใจของตัวเอง

 

เลิกวิ่งตามมาตรฐานของสังคม 

 

ลืมเสียซึ่งความมีเกียรติ ความมีหน้ามีตา ความที่เคยมีผู้คนมากมายแวดล้อม

 

แต่จงหาวิธีที่จะมีความสุขในยามที่อยู่คนเดียว

 

ไม่ต้องหวังพึ่งพาใคร ไม่ต้องไปคาดหวังกับลูกหลานว่าเขาจะต้องดูแลหรือกตัญญูรู้คุณต่อเรา

 

วันสงกรานต์จะมีคนมาหาหรือให้ความสำคัญแก่เราหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร เพราะชีวิตที่ผ่านมาเราได้กำไรจากชีวิตมากพอแล้ว

 

หากมีพระเดินบิณฑบาตผ่านหน้าบ้าน 

 

หากลูกหลานไม่ได้ตระหนี่ใจแคบ เราก็ใส่บาตรสักทัพพี ส้มสักสองลูก ถั่วลิสงหรืออะไรง่ายๆ โดยไม่ต้องมองหน้าว่าท่านเป็นใคร

 

เราตั้งจิตมุ่งตรงพระอรหันต์ไว้ในใจ แล้วก็ใส่บาตรลงไปพร้อมกับใจที่มีความเลื่อมใสว่าเราได้ใส่บาตรแล้วกับพระอรหันต์

 

ใจที่ดีงามที่เราตั้งไว้ทุกเช้า ในเวลาใกล้ตายอาจมีเหตุปัจจัยให้เรามีอย่างน้อยพระโสดาบันมาให้สติเราก่อนสิ้นใจก็ได้

 

ขอให้เห็นความสำคัญของการรักษาจิตให้เป็นกุศลไว้ แทนที่จะไปห่วงลูกหลานหรือห่วงกังวลเงินทองทรัพย์สิน

 

เราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ อย่างดีทีสุดแล้วในฐานะที่ชาตินี้ได้เกิดมาเป็นคน

 

ในวัยชราจงอธิษฐานจิตทั้งก่อนนอนและตอนเช้าว่า

 

"ขอให้ข้าพเจ้ามีโอกาสให้ทาน สร้างบุญกุศลเรื่อยไป 

 

ขอให้ข้าพเจ้าได้พบพระอริยเจ้า 

 

ขอให้ข้าพเจ้ามีสติอันสมบูรณ์ในเวลาตายด้วยเทอญ"

 

กำลังใจในวัยชรา ย่อมเกิดจากการมองโลกในแง่ดี และมีดวงจิตอยู่กับกุศลทุกๆวัน

 

คุรุอตีศะ

๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘