ก้าวเดินท่ามกลางสายฝน
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ก้าวเดินท่ามกลางสายฝน
คนทั่วไปมักกลัวเปียกฝน เพราะไปคำนึงถึงแต่เสื้อผ้าและเครื่องแต่งตัว เอาแต่นึกกลัวเอกสารจะเปียก เลยพลาดสิ่งหนึ่งไป คือความรู้สึกที่ปีติและเบิกบานในการได้เดินท่ามกลางสายฝน
เด็กๆมักชอบวิ่งออกไปเล่นน้ำฝนเวลาฝนตก ส่วนผู้ใหญ่มักเอาแต่ห้ามปรามและอ้างเหตุผลต่างๆ แต่เด็กก็มักดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง อย่างน้อยก็ได้วิ่งไปตากฝนสักหน่อยให้เปียกปอนและชื่นฉ่ำใจ
พวกเราทั้งหลายเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เราได้ลืมความรู้สึกที่เป็นสุข ความเบิกบาน เมื่อครั้งยังเป็นเด็กที่วิ่งออกไปเล่นน้ำฝนโดยไร้เดียงสานั้นไปเสียสิ้น เราลืมความสุขที่เป็นไปตามธรรมชาติ ที่ไม่ต้องอาศัยเหตุผล คิดอะไรอย่างสาละวนหลายตลบกว่าจะตัดสินใจแต่ละเรื่องได้ และนั่นแหละที่ทำให้ความสุขในชีวิตของเราได้ขาดหายไป เพราะความเป็นเด็กของเราที่เต็มเปี่ยมด้วยความวางใจต่อธรรมชาติ ได้ถูกกลืนหายไปเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เราลืมไปแล้วว่า ความสุขสมัยเป็นเด็กนั้น เป็นเพราะเราไม่กลัวเปียกฝนจนเกินไป
โดยทั่วไปคนกลัวจะเปียกฝน โดยลืมไปว่า เสื้อผ้าเปียกไม่นานก็แห้งได้ เพียงเราเดินท่ามกลางสายฝนอย่างเต็มใจ ขณะนั้นเราจะสัมผัสได้ถึงใจที่เปี่ยมสุข
ที่เราเป็นทุกข์เพราะเราไปตั้งโปรแกรมไว้ในใจว่า”ไม่อยากเปียกฝน” เราจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะไม่ให้ตัวเราถูกฝน และความทุกข์ก็เริ่มเกิดนับแต่นั้น ทั้งที่ในบางคราวฝนเพียงตั้งเค้า ไม่ได้ตกลงมาจริง แต่ใจของเราก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวายและวิตกกังวลนานา เพราะความคิดที่ยึดมั่นถือมั่นว่า “เราจะไม่ยอมเปียกฝน”
ลองเปียกฝนดูบ้าง บางทีเราจะได้สัมผัสกับความปีติและเบิกบานที่บอกใครไม่ได้ ความสุขที่เกิดจากการได้เปียกฝน ความสุขที่เกิดจากความชุ่มฉ่ำจากเม็ดน้ำฝน ความสุขจากการไม่ต้องวิ่งหนีฝน ความสุขที่เกิดจากความเต็มใจและยอมรับความจริง ยอมรับเอาน้ำฝนที่หล่นจากฟากฟ้า ที่พร่างพราวลงมาชะโลมชีวิตของเราให้สดชื่นและฟื้นคืนสู่ความมีพลัง ความสุขเช่นนี้คือวิถีแห่งอริยะ
ชีวิตคนเราหากเอาแต่กลัวจะเปียกฝน จะมีแต่ความวิตกกังวลตลอดไป จงยอมรับธรรมชาติของฝนที่ตกลงมา บางคราก็ยอมเปียกฝนบ้างจะเป็นไรไป อย่ามองชีวิตและใช้ชีวิตเพียงด้านเดียว คนส่วนใหญ่จำกัดชีวิตของตัวเองไว้เพียงแคบๆว่าจะไม่ยอมเปียกฝน จึงไม่มีโอกาสได้สัมผัสความสุขที่ลึกล้ำและเรียบง่ายแบบที่เด็กวิ่งออกไปเล่นน้ำฝน พลาดโอกาสที่จะพบกับความชุ่มฉ่ำอิสระและเบิกบาน รวมทั้งพลาดสิ่งดีๆในชีวิตไป
ในบางคราว ชีวิตของคนเราต้องกล้าเดินฝ่าสายฝน ต้องกล้าที่จะเดินท่ามกลางสายฝน จึงจะพบความสำเร็จ ในสายตาของคนทั่วไปอาจมองว่าคนที่เดินท่ามกลางสายฝนเป็นบุคคลที่น่าสงสาร แต่หารู้ไม่ว่าชีวิตของคนที่เอาแต่หลบอยู่ในร่ม จะไม่มีวันได้รู้จักและสัมผัสคุณค่าความมีพลังของคนที่กำลังเดินฝ่าสายฝนด้วยความเบิกบานอย่างนั้นเลย ใจที่อาจหาญของคนที่กล้าเดินฝ่าสายฝน ย่อมเต็มเปี่ยมด้วยความกล้าแกร่งและทรงพลัง
เพียงกล้าออกเดินฝ่าสายฝนไป ปีติที่ยิ่งใหญ่ยังคงรอเราเสมออยู่ข้างหน้า เพียงกล้าเดินท่ามกลางสายฝนอย่างเต็มใจ ไม่คำนึงถึงการเปียกปอน ไม่คำนึงถึงการขู่ของสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบจนเกินไป การก้าวต่อไปอีกเพียงไม่กี่ก้าว เราอาจพบกับหลักชัยพร้อมกับสายฝนที่หยุดตกพอดี
คุรุอตีศะ
๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๖