ก้าวข้ามความซึมเศร้า

ก้าวข้ามความซึมเศร้า


                          โรคซึมเศร้า เกิดจากความผิดหวัง ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก โรคซึมเศร้าเกิดได้แม้บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมาแล้ว และปัจจุบันความสำเร็จเหล่านั้นไม่คงทนเหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อคิดถึงความหลังแล้วเปรียบเทียบกับชีวิตในปัจจุบัน ก็เกิดความหดหู่ เศร้าสร้อย หมดกำลังใจ


                           โรคซึมเศร้า กำลังระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ส่วนมากเกิดในสังคมที่พัฒนาแล้ว มากกว่าสังคมที่ยังด้อยการพัฒนา ซึ่งนับว่าเป็นข้อมูลที่แปลกประหลาดและท้าทายองค์การอนามัยโลกเป็นอย่างมาก เพราะแต่เดิมมามีความเชื่อกันว่า หากพัฒนาเศรษฐกิจให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีสาธารณูปโภคที่สมบูรณ์ ผู้คนจะมีความสุขมีความเบิกบาน และจะหมดความซึมเศร้าเหงาหงอย แต่กลับปรากฏว่า ในสังคมที่มีตึกรามบ้านช่องที่สูงตระหง่าน มีห้างสรรพสินค้ามากมาย และมีเทคโนโลยีทันสมัย มีผู้คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามากจนน่าตกใจ แต่ในสังคมชนบทที่ผู้คนเคยชินกับความไม่ทันสมัย ดำรงชีวิตอยู่ไปตามอัตภาพ กลับมีสถิติของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบอัตราส่วนกัน


                          โรคซึมเศร้ามีวิวัฒนาการมาจากการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และต้องการความสำเร็จอย่างรวดเร็ว  อยากได้อยู่เหนือคนอื่นหรือได้เปรียบคนอื่น  โดยอาจไม่คำนึงผู้คนรอบข้างหรือผลกระทบที่มีต่อคนอื่นว่าจะเป็นอย่างไร  หลังจากประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่จะให้เกิดความสำเร็จหรือคุณธรรมอะไรนัก  ต่อมาเมื่อได้ชื่นชมความสำเร็จได้เพียงระยะหนึ่ง  บุคคลนั้นจะกลายเป็นซึมเศร้าและมีความหดหู่มาเยือน  โดยที่ตนเองก็อาจไม่เข้าใจว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น


                          อีกอย่างหนึ่ง โรคซึมเศร้าอาจเกิดกับคนที่ตั้งใจทำความดี หรือต้องการบำเพ็ญคุณธรรม แต่ความตั้งใจนั้นไม่สามารถทำได้สำเร็จ เพราะมีอุปสรรคขวากหนาม  ทำให้ทอดทิ้งการทำความดีกลางคันและหมดกำลังใจ จนบางคนถึงกับมองโลกในแง่ร้ายไปเลยว่า ทำดีแล้วไม่ได้ดี หรือ โลกใบนี้เป็นโลกของคนชั่ว ไม่รู้จะทำความดีไปทำไม กลายเป็นคนมีใจปฏิปักษ์ต่อเพื่อนร่วมโลก แล้วตัวเองก็จมอยู่แต่กับความผิดหวังและความเสียใจ ความดีและบุญกุศลก็ไม่อยากทำ สุดท้ายก็กลายเป็นความซึมเศร้า


                          โรคซึมเศร้า เป็นโรคประจำตัวของมนุษย์ที่เกิดมาทุกคน! ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตของคนเราทุกคน ล้วนเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาแล้ว อย่าไปตกใจกับโรคนี้ โรคซึมเศร้า เป็นโรคที่ถูกตั้งชื่อไว้เรียกอาการของคนป่วยทางใจ ที่การแพทย์ทางตะวันตกซึ่งไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง”จิต”ใช้เรียก เพราะการแพทย์ทางตะวันตก ไม่เชื่อว่ามนุษย์มีจิตใจ แต่ไปเข้าใจว่า สมองคือจิตใจ เมื่อไปเข้าใจว่าสมองคือจิตใจ ก็เลยตกใจและไม่เข้าใจว่า คนที่มีอาการกลุ้มใจ วิตกกังวล และไม่สบายใจนี้คือความทุกข์ทางจิตใจที่ชาวตะวันออกหรือชาวพุทธรู้จักกันมาหลายพันปี แต่นักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกเพิ่งจะมาค้นคว้าว่าอะไรคือจิตใจ และเพิ่งจะยอมรับกันบ้างแล้วว่า จิตใจของคนเรานั้น ไม่ใช่สมองอย่างที่พากันเข้าใจมาเป็นร้อยสองรอยปี จนกระทั่งมาถึงเวลานี้ นักจิตบำบัดหรือนักจิตวิทยาชื่อดังของโลกที่หันมาศึกษาพระพุทธศาสนา ได้พยายามบอกผู้คนว่า สิ่งที่จะช่วยเยียวยารักษาโรคซึมเศร้าได้ดีที่สุดคือ การเจริญสมาธิภาวนา ดังนั้นที่ทางการแพทย์เรียกชื่อว่า “โรคซึมเศร้า”นี้ แท้จริงแล้วก็คือความทุกข์ทางจิตใจนั่นเอง


                         ที่คนเราป่วยเป็นโรคซึมเศร้ากันมากในปัจจุบัน เพราะเราได้พากันหันหลังให้พระพุทธศาสนาและคุณค่าทางจิตใจมาเป็นเวลานาน   ชาวบ้านทั่วไปก็นับถือพระพุทธศาสนาเพียงแค่ในส่วนพิธีกรรม ตักบาตรทำบุญไปตามประเพณี แต่ขาดการเจริญสติปัฏฐานหรือการเจริญสมาธิภาวนา ส่วนเหล่าผู้มีความรู้มีการศึกษา ด้วยระบบการศึกษาที่พยายามแยกพระพุทธศาสนาออกจากคน ก็ไม่ให้ความสำคัญกับคำสอนของพระพุทธเจ้า  แต่พากันไปศึกษาทฤษฎีและวิชาการของนักปราชญ์ตะวันตก ได้เรียนรู้และวิจัยสิ่งอื่นมากมาย  รู้เรื่องต่างๆกว้างไกลทั่วทุกมุมโลก แต่ไม่รู้เรื่องเมืองไทย  ไม่รู้เรื่องคนไทย  ไม่รู้เรื่องชีวิตในสังคมไทย  ไม่มีความเข้าใจในพระพุทธศาสนา นอกจากที่มีบางท่านได้ไปรู้จักพระพุทธศาสนาจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ จึงได้หวนกลับมาเห็นคุณค่าพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า


                         ใครที่หมอบอกว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า อย่าได้ตกใจอะไรนัก  เพราะแท้จริงแล้วไม่ใช่โรคอะไรเลย แต่เป็นความทุกข์ที่เกิดจากความยึดมั่นถือมั่นเท่านั้น  เพียงแต่การแพทย์ในเมืองไทยของเราในปัจจุบัน  ใช้ตำราที่เขียนด้วยแนวคิดของตะวันตก เขาจึงตั้งชื่อว่า ”โรคซึมเศร้า” เพราะไม่เช่นนั้นก็สื่อความหมายกันไม่ได้ ยามใดที่หนุ่มสาวอกหัก เขาก็ซึมเศร้า ยามใดคนทำธุรกิจตัดสินใจผิดพลาดไม่เป็นดังหวัง เขาก็ซึมเศร้า ยามใดข้าราชการที่หวังจะได้สองขั้นหรือได้เลื่อนตำแหน่ง แล้วไม่เป็นไปดังใจหวัง ก็ซึมเศร้า ยามที่สามีภรรยาทะเลาะกัน กลัวอีกฝ่ายไม่ง้อ ก็ซึมเศร้า เด็กนักเรียนหวังว่าจะสอบได้เกรด ๔ แต่ประกาศผลสอบออกมาได้เกรด ๓ ก็ซึมเศร้า  เรามีเพื่อนมนุษย์ที่ซึมเศร้าอยู่มากมายทั่วทุกมุมโลก อย่าได้ตกใจเลย


                          โรคซึมเศร้านี้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้วดังที่ปรากฏในทำวัตรเช้าที่ว่า “ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์ ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ ความปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์ กล่าวสรุปรวบยอด ความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ เป็นตัวทุกข์” นี้แหละคือต้นเหตุของโรคซึมเศร้าที่แท้จริง ที่พระผู้เป็นบรมครูของโลกทรงตรัสสอนพวกเราไว้มาเป็นเวลา ๒,๖๐๐ ปีแล้ว


                          อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่า การใช้ชีวิตของเราแต่ละคนมีส่วนสำคัญในการให้เกิดโรคซึมเศร้า  หากเราใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและมุ่งมั่นที่จะได้ความสำเร็จ เมื่อได้ความสำเร็จนั้นมาแล้ว ต่อจากนั้นไม่นานเราอาจจะต้องเผชิญกับความซึมเศร้า  เพราะว่า ความสำเร็จใดๆในโลกนี้ พระพุทธองค์ตรัสว่า เป็นเพียงมายาหรือพยับแดด หัวใจที่พองโตและภาคภูมิใจดีใจอย่างมากมายในตอนพบกับความสำเร็จใหม่ๆ  ต่อมาก็ต้องจืดจางหายไป ไม่สามารถยึดมั่นไว้ได้ หากยังปล่อยให้จิตใจจมอยู่กับความสำเร็จในอดีต ไม่นานนักอาจเกิดความรู้สึกหดหู่ขึ้นมาแม้ไม่อยากให้เป็น นี้คือความอนิจจังไม่เที่ยงแท้แน่นอนของสรรพสิ่งในโลก  ความล้มเหลวก็ไม่เที่ยง ความสำเร็จก็ไม่เที่ยงคืออย่างนี้ ทุกสิ่งล้วนตกอยู่ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงเสมอ สิ่งที่เป็นสาระอันแท้จริงคือความสงบภายในใจของเราต่างหาก


                         ขอให้ทุกคนจงเรียนรู้ ในการที่จะ ”ก้าวข้ามความซึมเศร้า” ที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ไปให้ได้ อย่าได้อาลัยอาวรณ์สิ่งที่เป็นอดีตผ่านไปแล้ว  ดุจสายน้ำที่ไหลผ่านไปแล้ว ไม่อาจย้อนกลับคืน สุขหรือทุกข์ ความผิดหวัง ความสมหวัง ความเสียใจ ความดีใจ ที่เคยประสบและพบผ่าน ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว ส่วนสิ่งที่เป็นอนาคตเล่า ก็ไม่ควรพะวงหรือห่วงหาจนวิตกกังวลเกินไป สิ่งใดที่ยังมาไม่ถึง ก็อย่าเพิ่งวิตกจนเกินไปนัก บางเรื่องที่เรากำลังวิตก อาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้  ให้มีสติอยู่ที่ลมหายใจในขณะนี้ ระลึกรู้กายของเราที่กำลังนั่งอยู่ขณะนี้ ดูใจของเราขณะนี้  นี้คือที่พึ่งของเรา  


                         การเจริญสมาธิภาวนา  จะเป็นสิ่งเยียวยาจิตใจของเราให้ก้าวข้ามความซึมเศร้าไปได้ อย่าได้วิตกเลย  ขอเราทั้งหลายอย่าได้หวาดกลัวต่อชีวิต  ขอให้หมั่นบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนาไว้เป็นชีวิตประจำวัน


                         อย่าได้จมกับความผิดพลาดในอดีตที่ผ่านไปแล้ว จงตั้งต้นใหม่ ขอจงได้ตระหนักในคุณค่าของตัวเอง อย่าได้ดูถูกตัวเอง การหกล้มในวันนี้ อาจเป็นพื้นฐานในการก้าวสู่ความสำเร็จในวันหน้า อย่าได้สิ้นหวังเป็นอันขาด  จงยอมรับและเผชิญหน้ากับความเป็นจริงในชีวิตอย่างอาจหาญ จงยึดมั่นเอาพระรัตนตรัยเป็นหลักชัยและเป็นที่พึ่งเถิด แล้วสิ่งต่างๆที่เรามุ่งหวังจะค่อยๆก้าวเข้ามาสู่ชีวิตของเราเอง


คุรุอตีศะ
๓๐  พฤษภาคม  ๒๕๕๖