เจตนารมณ์ของงานสักการะหลวงพ่อหยกขาว

เจตนารมณ์ของงานสักการะหลวงพ่อหยกขาว


                  ปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่จัดให้มีการสักการะขอพรหลวงพ่อหยกขาว ซึ่งปีนี้ยังถือว่าโชคดีที่ไม่ต้องคอยวิดน้ำฝนออกจากผ้าเต็นท์ที่ปูบนพื้นดินเหมือนปีที่แล้ว เพราะมีผู้ใจบุญมาสร้างศาลาพุทธศรีอาริยะเมตไตรยไว้เป็นศาลากราบไหว้ของพุทธศาสนิกชน ไม่ต้องร้อนแดดและเปียกฝนอีกต่อไป


                       ในปีที่แล้ว จัดงานระหว่าง ๑-๔ มิถุนายน ๒๕๕๕ ต้องเช่าเต็นท์มากางในที่โล่งแจ้ง มีพายุฝนและลมพัดผ้ายางปูพื้นดินและผ้าเต็นท์กระจุยกระจาย บางคนต้องกอดเสาเต็นท์พร้อมกับร้องไห้ พร้อมทั้งกลัวลม กลัวฟ้าและกลัวฝน แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ในคืนวันวิสาขบูชาก็ปรากฏว่ามีผู้คนหลั่งไหลมาเวียนเทียนอย่างมากมายจนรถยนต์จอดเต็มทั่วบริเวณ


                        มาปีนี้กำหนดวันสักการะขอพรหลวงพ่อหยกขาวระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยไม่จำเป็นต้องเช่าเต็นท์มาท้าทายลมฝนอีกเพราะมีศาลาดังกล่าว และยังมีเจ้าภาพมาสร้างสระมุจลินท์และทำสวนหย่อมตกแต่งต้นไม้พร้อมทั้งปูหญ้าอย่างสวยงาม เพื่อให้ผู้คนทั้งหลายที่มีเรื่องทุกข์ร้อนใจหรือต้องการความสงบใจและต้องการบุญ ได้เกิดความอบอุ่นเมื่อได้กราบสักการะขอพรหลวงพ่อหยกขาวแล้ว ยังได้มีโอกาสผ่อนคลายจิตใจและได้ดื่มด่ำสัมผัสธรรมชาติ เพราะผู้คนสมัยนี้มักได้อยู่กับสิ่งไร้ชีวิตไร้จิตใจ และไร้จิตวิญญาณคือคอมพิวเตอร์เสียเป็นส่วนใหญ่


                       ในแต่ละวันหลายคนยังไม่ได้มองต้นไม้ ได้มองดูนก หรือมองดูสายน้ำแต่อย่างใด หากกราบพระแล้วได้มีเวลาสักช่วงหนึ่ง ได้ดูบัวในสระและสายน้ำ มองดูต้นไม้หรือธรรมชาติรอบตัว จิตใจจะสดชื่นและมีพลังขึ้นมา  ลักษณะนี้ท่านเรียกว่า “สมาธิเซน” ซึ่งคนญี่ปุ่นจะเข้าใจสมาธิแบบนี้ การดื่มน้ำชาก็ดี การจัดสวนก็ดี การจัดดอกไม้ก็ดี คือวิวัฒนาการของการเจริญสมาธิภาวนาแบบเซน อันเป็นการเจริญสติปัฏฐานในชีวิตประจำวันโดยตรง ซึ่งคนญี่ปุ่นได้รับมรดกทางพระพุทธศาสนาในด้านนี้อย่างมาก คนญี่ปุ่นจึงมีสติคมชัดและแววไว มีวินัย และมีประสิทธิภาพ อันเป็นผลมาจากการฝึกสติแบบนี้นั่นเอง


                      คนญี่ปุ่นเพิ่งมีความเคร่งเครียดและมีปัญหามากมาย เมื่อรับวัฒนธรรมตะวันตกที่ไหลบ่าเข้ามาอย่างเต็มที่ในตอนหลังนี้  ซึ่งเป็นชะตากรรมเดียวกันกับคนไทย ก่อนจะถึงยุคของพวกเรานี้เมืองไทยได้ชื่อว่าสยามเมืองยิ้ม ก็เพราะอิทธิพลของพุทธศาสนาที่ทำให้เป็นคนใจบุญมีเมตตา และมองคนอื่นด้วยความเป็นมิตร แต่ตอนนี้เมืองไทยยิ้มไม่ค่อยออก เพราะคนไทยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาแต่ในทะเบียน และคนญี่ปุ่นตอนนี้ก็มีแต่ความเคร่งเครียด เพราะชีวิตได้ห่างไกลจากพระพุทธศาสนา


                    การจัดงานสักการะหลวงพ่อหยกขาว หลายคนบ่นให้ได้ยินว่าไม่เห็นประกาศโฆษณาทางวิทยุหรือประชาสัมพันธ์มากๆ  คนจะได้มามากๆ จะได้มีคนมาทำบุญเยอะๆ


                    นั่นน่ะสิ ทำไมไม่ประชาสัมพันธ์ให้มากๆ เหตุที่ไม่ต้องการประชาสัมพันธ์อะไรมากๆแบบนั้น ก็เพราะเจตนารมณ์ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เพราะทุกวันนี้ที่ไหนๆเขาก็ประชาสัมพันธ์ให้ไปทำบุญกันอยู่แล้ว เวลาเดินทางไปไหนก็เห็นแต่ป้ายเชิญชวนคนทำบุญติดตามข้างถนนมากมาย เกิดความรู้สึกอายยังไงไม่ทราบถ้าจะโฆษณาอย่างนั้นบ้าง  นี้คือความรู้สึกส่วนตัว


                     การมาสักการะขอพรหลวงพ่อหยกขาว อยากให้ทุกคนมาด้วยใจที่เป็นบุญที่บริสุทธิ์ ในวันหนึ่งมีคนกราบไหว้สักการะสัก ๕ คน ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว และแม้ว่าในจำนวนคนทั้ง ๕ คนนั้นอาจไม่มีเงินมาทำบุญหยอดตู้บริจาคแม้แต่บาทเดียว ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วเช่นกัน เพราะได้มีส่วนให้คนได้มีโอกาสได้สร้างบุญ ได้กราบได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตแก่ตัวผู้มากราบมาไหว้ ต่อไปชีวิตของบุคคลนั้นก็จะดีขึ้น เพราะใจของเขาเกิดบุญเกิดกุศล ปัญหาชีวิต ปัญหาความรัก ปัญหาครอบครัว ปัญหาอาชีพการงานก็จะค่อยๆคลี่คลายไป  นี้คือเจตนารมณ์ที่แท้จริงภายในใจที่อยากบอกกล่าวแก่ท่านทั้งหลายได้รับทราบ ไม่ได้สนใจปริมาณ แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพเป็นหลักใหญ่


                     ทุกวันนี้เมื่อหันมองผู้คน ว่าตามความเป็นจริงแล้ว ผู้คนก็ใช่ว่าจะมีเงินมาทำบุญอะไรมากมาย เพราะส่วนใหญ่ต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ และต้องมีค่าใช้จ่ายอีกจิปาถะ ควรแก่การได้รับความเห็นอกเห็นใจมากกว่า หากวันใดเมื่อใดเขาเกิดศรัทธาคิดอยากจะทำบุญขึ้นมา ก็จะทำบุญหรือบริจาคของเขาเอง หากเขายังไม่พร้อม เขาก็ดูแลครอบครัวหรือใช้จ่ายดูแลเรื่องส่วนตัวของเขาไปตามอัตภาพ เมื่อเกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาวันใดและจิตใจพร้อมด้วยที่จะทำบุญ เขาย่อมทำด้วยความสบายใจและเป็นบุญอันบริสุทธิ์ และบุญชนิดนี้แหละที่จะเป็นพลังทิพย์ช่วยค้ำจุนชีวิตของผู้ทำบุญ ให้พบความสุขความเจริญและพบความรุ่งเรืองทั้งในทางส่วนตัวและครอบครัวตลอดทั้งอาชีพการงาน และเมื่อตายไปแล้ว บุญที่ทำด้วยใจที่เลื่อมใสอันแท้จริงและทำด้วยใจบริสุทธิ์นี้ ยังติดตามให้ผลให้ได้พบแต่สิ่งดีๆข้ามภพข้ามชาติอีกด้วย  เกพลิตาโพธิวิหารอยากให้คนได้รู้จักบุญชนิดนี้มากๆ  เพราะจะได้เกิดภูมิคุ้มกันของชีวิตที่วิเศษ


                    ขอให้ทุกคนจงหมั่นทำบุญไว้บ่อยๆเนืองๆ บุญที่ทำด้วยเงินทองสิ่งของนั้นทุกคนคงคุ้นเคยกันดีแล้ว แต่บุญชนิดหนึ่งที่อยากให้ทำด้วยคืออภัยทาน การให้อภัยต่อความผิดพลาด ความบกพร่องของคนอื่น อย่าได้ถือสากันจนเกิดความขุ่นมัวในหัวใจ โดยเฉพาะคนมีคู่ครองหรือสามีภรรยา ควรหมั่นบำเพ็ญทานข้อนี้ไว้ทุกวัน ทั้งเวลาตื่นนอนตอนเช้า หรือตอนก่อนจะนอน  ก่อนจะนอนก็อย่าได้พยายามหาเรื่องขึ้นมาทะเลาะกัน เดี๋ยวจะพาลนอนไม่หลับ มีเรื่องราวอะไรขุ่นข้องหมองใจกันมาตั้งแต่ตอนกลางวัน ก็รีบให้อภัยหรือขอโทษกันเสียอย่าได้ถือสาหาความกัน แล้วก็นอนหลับพักผ่อน เพราะจะทะเลาะกันสักแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องนอนข้างๆกันเหมือนเดิม น่าสงสารกันจะตายไป ใครจะมาน่าสงสารเท่าคนที่เราชวนทะเลาะทุกวันอยู่นี้เป็นไม่มีอีกแล้ว ไม่รู้จะโกรธหรือถือโทษอะไรกันไปทำไม ให้อภัยยกโทษให้กันดีกว่า สบายใจดี การทำทานแบบนี้จะเกิดอานิสงส์มากทันตาเห็น จะได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นโดยไม่ต้องรอพรุ่งนี้หรือชาติหน้า


                 ที่กล่าวมานี้คือเจตนารมณ์ที่แท้จริง ที่อยากให้ทุกคนเข้าถึงเนื้อแท้ของงานสักการะขอพรหลวงพ่อหยกขาว  ปรารถนาให้ทุกคนได้เข้าถึงบุญตัวจริงที่เหนือกว่าเงินทอง


                 สุดท้ายนี้ก็ขอฝากว่า อย่าได้จริงจังกับชีวิตจนเกินไป อย่าได้หมายมั่นปั้นมือที่จะให้ได้ดังใจตนจนเกินไป ชีวิตจึงจะไม่เกิดความเคร่งเครียดหรือหดหู่  จงมั่นใจว่าฝนตกแค่ไหนก็ต้องมีวันหยุด แดดร้อนแค่ไหน ก็ต้องมีร่มเงาและมีวันชุมฉ่ำจนได้  บางครั้งชีวิตก็ต้องรู้จักรอคอย  จึงจะพบความสุขและความสำเร็จ เหมือนเราหุงข้าว เราก็ยังต้องรู้จักรอกว่าข้าวจะสุก ชีวิตคนเราบางครั้งการรู้จักรอคอยอย่างใจเย็น และมีความอดทน กลับทำให้พบกับความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึงก็มี สำหรับคนที่มีความบากบั่นขยันหมั่นเพียรอยู่แล้ว ลองหันมาถือคตินี้ดูบ้างในบางครั้ง อาจจะพบเคล็ดเล็บแห่งความสำเร็จอย่างภาคภูมิใจ


                 อย่าได้เอาชีวิตของเราไปเปรียบกับใครให้เกิดใจเศร้าหมอง อันจะบั่นทอนความมั่นใจในตัวเองอย่างไม่รู้ตัว การเปรียบเทียบอาจทำให้เกิดความมุมานะได้ในบางเรื่อง แต่อาจทำให้ชีวิตขาดความสุขและไม่ได้รับความสงบใจก็ได้ ชีวิตของเราก็คือของเรา บางเรื่องจะเอาคนอื่นมาเป็นบรรทัดฐานก็ไม่ได้ เพราะเหตุปัจจัย บริบทหรือสิ่งแวดล้อมแต่ละคนย่อมหลากหลายแตกต่างกัน จงก้าวเดินตามเส้นทางที่เลือกแล้ว   จงก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างมั่นคง อย่างมีสติและแยบคาย โดยใส่ใจในแต่ละก้าวที่กำลังก้าวไปข้างหน้าขณะนี้  ในที่สุดก็จะถึงจุดหมายปลายทางอย่างสง่างาม


คุรุอตีศะ
๒๓  พฤษภาคม  ๒๕๕๖