อริยอุโบสถ

 อริยอุโบสถ

 

 

                   พวกเราส่วนใหญ่ เคยแต่ได้ยินผู้รู้หรือครูบาอาจารย์มักบอกหรือแนะนำให้ทุกคนพยายามหาโอกาสรักษาอุโบสถหรือรักษาศีล ๘  แม้แต่คนทรงหรือหมอดูเมื่อทำนายทายทักใครว่าชะตากำลังมีเคราะห์ ก็มักจะบอกหนทางหรือวิธีแก้ไขโชคชะตาว่าให้ไปบวชหรือไปปฏิบัติธรรมรักษาศีล ๘  แต่เราก็ไม่ค่อยได้ทราบเหตุผลว่าศีลอุโบสถหรือศีล ๘ มีผลมาก มีอานิสงส์มากอย่างไร


                 ในโอกาสนี้จึงขอยกเอาพระพุทธพจน์บางส่วนมาแสดงไว้   ตามที่ปรากฏอยู่ในอังคุตรนิกาย เอกนิบาต ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสกับนางวิสาขาแสดงถึงอานิสงส์ของการรักษาอุโบสถที่เป็น “อริยอุโบสถ” ดังนี้


                   “...ดูก่อน วิสาขา ! อริยอุโบสถอันบุคคลเข้าจำแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแผ่ไพศาลเป็นอันมาก


                   อริยอุโบสถมีผลมากเพียงไร ? มีอานิสงส์มากเพียงไร ? มีความรุ่งเรืองมากเพียงไร ? มีความแผ่ไพศาลมากเพียงไร ?


                      ดูก่อน วิสาขา !  เปรียบเหมือนผู้ใดพึงครองราชย์เป็นอิศราธิบดีแห่งชนบทใหญ่ ๑๖ แคว้นเหล่านี้ อันสมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ คือ อังคะ มคธ กาสี โกสล วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี  คันธาระ อวันตี  การครองราชย์ของผู้นั้นยังไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งอุโบสถที่ประกอบด้วยองค์ ๘  ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?  เพราะราชสมบัติที่เป็นของมนุษย์ เมื่อนำเข้าไปเปรียบเทียบกับสุขที่เป็นทิพย์  ย่อมได้ชื่อว่าเป็นของเล็กน้อย


                       ดูก่อน วิสาขา !   ๕๐ ปี อันเป็นของมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา  โดยราตรีนั้น ๓๐ ราตรีเป็นหนึ่งเดือน  โดยเดือนนั้น ๑๒ เดือนเป็นหนึ่งปี  โดยปีนั้น ๕๐๐ ปีอันเป็นทิพย์ เป็นประมาณของอายุของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา. (ประมาณ ๙,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์)


                       ดูก่อน วิสาขา ! ข้อนี้เป็นฐานะที่จะพึงมีได้ คือ สตรีหรือบุรุษบางคนในโลกนี้ เข้าจำอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ แล้ว ภายหลังแต่การตาย เพราะการแตกทำลายแห่งกาย  พึงเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา.


                        ดูก่อน วิสาขา ! เราตถาคตหมายเอาความข้อนี้แล จึงกล่าวว่า ราชสมบัติที่เป็นของมนุษย์ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ ย่อมจัดว่าเป็นของเล็กน้อย


                        ดูก่อน วิสาขา !   ๑๐๐ ปี อันเป็นของมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของเทวดาชั้นดาวดึงส์  โดยราตรีนั้น ๓๐ ราตรีเป็นหนึ่งเดือน  โดยเดือนนั้น ๑๒ เดือนเป็นหนึ่งปี  โดยปีนั้น ๑,๐๐๐ ปีอันเป็นทิพย์ เป็นประมาณของอายุของเทวดาชั้นดาวดึงส์. (ประมาณ ๓๖,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์)


                            ดูก่อน วิสาขา !   ๒๐๐ ปี อันเป็นของมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของเทวดาชั้นยามา  โดยราตรีนั้น ๓๐ ราตรีเป็นหนึ่งเดือน  โดยเดือนนั้น ๑๒ เดือนเป็นหนึ่งปี  โดยปีนั้น ๒,๐๐๐ ปีอันเป็นทิพย์ เป็นประมาณของอายุของเทวดาชั้นยามา. (ประมาณ ๑๔๔,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์)

   
                         ดูก่อน วิสาขา !   ๔๐๐ ปี อันเป็นของมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของเทวดาชั้นดุสิต  โดยราตรีนั้น ๓๐ ราตรีเป็นหนึ่งเดือน  โดยเดือนนั้น ๑๒ เดือนเป็นหนึ่งปี  โดยปีนั้น ๔,๐๐๐ ปีอันเป็นทิพย์ เป็นประมาณของอายุของเทวดาชั้นดุสิต. (ประมาณ ๕๗๖,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์)


                          ดูก่อน วิสาขา !  ๘๐๐ ปี อันเป็นของมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของสวรรค์ชั้นนิมมานรดี  โดยราตรีนั้น ๓๐ ราตรี เป็นหนึ่งเดือน  โดยเดือนนั้น ๑๒ เดือนเป็นหนึ่งปี  โดยปีนั้น ๘,๐๐๐ ปี อันเป็นทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นนิมมานรดี. (ประมาณ ๒,๓๐๔,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์)


                          ดูก่อน วิสาขา !  ๑,๖๐๐ ปี อันเป็นของมนุษย์ เป็นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี  โดยราตรีนั้น ๓๐ ราตรีเป็นหนึ่งเดือน โดยเดือนนั้น ๑๒ เดือนเป็นหนึ่งปี  โดยปีนั้น ๑๖,๐๐๐ ปี อันเป็นทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี. (ประมาณ ๙,๒๑๖,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์)


                          ดูก่อน วิสาขา ! ก็ข้อนี้เป็นฐานะที่จะพึงมีได้ คือ สตรีหรือบุรุษบางคนในโลกนี้ เข้าจำอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ แล้ว  ภายหลังแต่การตาย เพราะการแตกทำลายแห่งกาย พึงเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี.


                           ดูก่อน วิสาขา ! เราตถาคตหมายเอาความข้อนี้แล จึงกล่าวว่าราชสมบัติอันเป็นของมนุษย์ เมื่อนำเข้าไปเปรียบเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ จึงถือว่าเป็นของเล็กน้อย...”


                           ที่ยกมาแสดงข้างต้น คือคำตรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ทรงตรัสถึงอานิสงส์ของอริยอุโบสถว่ามีผลมาก มีอานิสงส์มาก  ซึ่งทรงตรัสถึงความสุขในราชสมบัติของโลกมนุษย์ไม่สามารถเทียบได้เลยกับความสุขอันเป็นทิพย์ อันเกิดจากการรักษาอุโบสถหรือการรักษาศีล ๘


                           เมื่อบุคคลนั้นประคองสติ รักษาใจให้ผ่องใสไว้ได้ ก่อนจิตสุดท้ายจะออกจากร่างกาย บุคคนั้นย่อมได้ไปอุบัติบนสุคติสรวงสวรรค์   แม้ว่าเขาจะตายจากอุบัติเหตุ จากอุทกภัย อัคคีภัย แผ่นดินไหวก็ตาม  การที่ได้บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนาไว้ประจำนิสัย จะทำให้บุคคลนั้นตายอย่างมีสติ  หลังจากตายไปแล้วย่อมไปสู่สุคติแน่นอน


                           อานิสงส์แห่งการรักษาศีล ๘ ยังมีอานิสงส์อะไรอีกหลายอย่าง เช่น ย่อมมีตบะในตัวทำให้ผู้มีอำนาจในทางโลกหรือคนร่ำรวยเกิดความครั่นคร้ามยำเกรงเมื่อได้พบกับผู้ทรงศีล  เมื่อภาวนาให้ใจใสสะอาดมากขึ้นวาจาย่อมเกิดความศักดิ์สิทธิ์ในตัว  ไสยศาสตร์หรือภูตผีวิญญาณร้ายย่อมเคารพเกรงกลัว  ไสยเวทต่างๆหรือศาสตร์ชั้นต่ำไม่อาจทำอันตรายได้ จิตใจจะผ่องใส ทำให้ชีวิตพบแต่สิ่งดีงาม


                         การสะเดาะเคราะห์แบบพุทธที่ดีที่สุดและเกิดอานิสงส์มากที่สุด ท่านจึงแนะนำให้ไปบวชปฏิบัติธรรมรักษาศีล ๘  เพราะทำให้วิญญาณร้ายต่างๆออกจากตัว ทำให้เทวดารักษาเกิดความอบอุ่นร่มเย็นในครอบครัว  หากบุคคลใดทำไปได้ตลอดชีวิต ก็จะเป็นบาทฐานให้เกิดสมาธิ ได้คุณวิเศษบางอย่าง จนกระทั่งบรรลุเป็นพระอริยบุคคลในที่สุด

 

 

                                                                           คุรุอตีศะ
                                                                 ๒๘  สิงหาคม  ๒๕๕๙