ดวงใจที่รู้คุณ

 ดวงใจที่รู้คุณ

 

 

                            ปัญหาอันยิ่งใหญ่คือทำอย่างไรหัวใจดวงนี้จะเกิดความสำนึกและรู้คุณอย่างไร้เงื่อนไข  มีนักจิตวิทยาคนหนึ่งของโลกชาวรัสเซียระบุลงไปเลยว่า “ปัญหาทั้งมวลของมนุษย์เกิดจากใจที่โกรธเกลียดพ่อและแม่ของตัวเอง”


                           ในโลกทางตะวันออกจะไม่ใช้คำนี้ แต่ท่านใช้คำว่า “ใจของเรายังไม่เกิดพลังแห่งความกตัญญู” บางทีที่เรารักพ่อแม่ ก็เพราะเราได้อาศัยท่านในการสรรหาสิ่งต่างๆมาให้ตามที่เราปรารถนา  หากมีคนอื่นที่เราพึ่งพาอาศัยได้ทดแทน เช่น เมื่อแต่งงานมีคู่ครอง เราก็มักจะลืมท่าน เพราะตลอดมาเรามักเป็นผู้รับอยู่ฝ่ายเดียว จึงเป็นธรรมดาที่ยากนักจะเกิดความรู้สึก “ซาบซึ้งและตื้นตันในพระคุณ”


                           ความรู้สึกนี้ แม้บางคนซึ่งหาข้าวหาน้ำเลี้ยงดูท่านหรือพาไปเที่ยวเตร่พักผ่อนแท้ๆ ก็ไม่แน่ว่าจะเกิดความซาบซึ้งได้ทุกวัน ยิ่งถ้าเรามีเจตนาทำสิ่งต่างๆเพื่อให้ผู้คนยกย่องว่าเรามีความกตัญญู ความกตัญญูก็ยิ่งอยู่ห่างไกล


                           อย่างที่เคยเล่าเรื่องพระอาจารย์ประยุทธ์ ธมฺมยุตฺโต มาก่อนหน้านั้น จะเห็นได้ว่าความกตัญญูที่แท้จริงของท่านเพิ่งเกิดขึ้นมาในใจก็ตอนกลับบ้านแล้วรู้ว่ามารดาของท่านเสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นแล้ว ความสำนึกว่าตลอดมาตัวเองไม่ได้ตอบแทนคุณแม่ ไม่ได้ทำความดีอะไรให้แม่ชื่นใจ ซ้ำยังไปเป็นโจรตั้ง ๕ ปี ไม่ได้ส่งข่าวคราว จึงได้แต่ไปคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าภาพถ่ายของท่าน นั่นคือความกตัญญูได้สาดส่องเข้าสู่ดวงใจครั้งแรกนับตั้งแต่โตขึ้นมาจนกระทั่งไปเป็นโจร 

 

                           อำนาจแห่งความกตัญญูที่แท้เช่นนี้ได้ส่องแสงเข้าสู่ดวงใจของท่าน จึงทำให้เกิดการพลิกชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ จากที่ชั่วร้ายมืดมนที่สุดกลายเป็นผู้ทรงศีลและได้อาศัยแรงกตัญญูนั้นปฏิบัติธรรมอย่างอุกฤษฏ์จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในเวลาต่อมา


                            การตอบแทนคุณของผู้ให้กำเนิดจึงทำได้หลายอย่าง  หากท่านละจากโลกนี้ไปแล้ว เราก็หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลทุกครั้งที่คิดถึงท่าน หากเป็นพระเณรแม่ชีก็น้อมเอาการประพฤติปฏิบัติและการอุทิศตนต่อศาสนาเป็นพลังทิพย์บูชาคุณ หากเป็นผู้รักษาศีล ๘ ปฏิบัติธรรมไม่มีรายได้ไม่มีอาชีพอะไร  เราก็น้อมนำเอาบารมีที่เราทำเป็นกุศลหนุนส่งให้ท่านมีความสุข ดวงใจเช่นนี้ก็คือดวงใจที่กตัญญูและรู้คุณ


                            การบวชรักษาศีล ๘ จะเป็นบุญบารมีในการตอบแทนคุณพ่อแม่ยิ่งกว่าวัตถุเงินทองอย่างอื่น  บางคนนั้นในตอนแรกผู้บังเกิดเกล้าอาจยังเป็นมิจฉาทิฐิยังไม่เกิดปัญญามองเห็นคุณค่าในการประพฤติธรรมเช่นนี้  ผู้เป็นลูกที่เป็น “อภิชาตบุตร” ก็ต้องอดทนหนักแน่นในการทำความดี  ต่อไปไม่นานสิ่งที่เราบำเพ็ญไว้จะเกิดพลังอัศจรรย์ทำให้ผู้มีพระคุณเกิดสัมมาทิฐิ จะเป็นความกตัญญูแบบวิชชาที่ภูมิใจ


                            การตอบแทนด้วยเงินทองสิ่งของก็เป็นความดีในการตอบแทนคุณอย่างหนึ่ง  แต่แม้เราจะใช้เงินทองเลี้ยงดูไปจนตายท่านก็จะไม่ซาบซึ้งเท่ากับเราชักนำให้ท่านมีโอกาสฟังธรรม เป็นคนมีศรัทธา มีศีล มีปัญญาที่จะเป็นพลังบุญพลังทิพย์หล่อเลี้ยงหัวใจของท่าน


                            สิ่งนี้จะเป็นอริยทรัพย์ติดตัวท่านไปสู่ภพหน้า ดวงจิตของท่านจะซาบซึ้งต่อผู้เป็นลูกแม้จะไปอยู่ภพภูมิใด  ที่สำคัญลูกคนนั้นจะรู้สึกในดวงใจว่า “เราตอบแทนคุณท่านได้จริงๆแล้วหนอ” จะรู้สึกเหมือนคนที่เป็นลูกหนี้ได้จ่ายหนี้พร้อมดอกเบี้ยอย่างมีความสุขและภาคภูมิใจเลยทีเดียว


                            การหมั่นให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรม จะทำให้หัวใจดวงนี้ใสสะอาดและสำนึกรู้คุณขึ้นเรื่อยๆ  ตอนแรกอาจคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก คิดทีไรก็นึกถึงแต่คำบ่นค่ำด่าหรือการบังคับเคี่ยวเข็ญของท่าน พอใจได้รับพระธรรมมีความสูงส่งขึ้น  ความกตัญญูรู้คุณก็จะเกิดขึ้นเองตามมา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่า จึงมิอาจเกิดจากการบังคับตนเองอย่างจงใจหรือเจตนาเพื่อจะเป็นคนกตัญญู


                            สมัยเรียน ป. ๕ จะโกรธแม่มากที่ท่านเป็นคนเด็ดขาดไล่ตีบังคับให้ไปโรงเรียนแทบทุกเช้า เพราะนิสัยที่แท้จริงจะไม่อยากเรียนหนังสือ จะชอบอยู่เงียบๆแบบชีวิต “ปู่บุญเหลือ แห่งศาลากู่แก้ว จังหวัดหนองคาย” มากกว่า


                           พอซักผ้าอ้อมน้องฝาแฝดเสร็จแล้วก็จะทำเถลไถลให้ตะวันสายๆเผื่อแม่จะใจดีแล้วพูดว่า“งั้นอยู่บ้าน ไม่ต้องไป” แต่ที่ไหนได้ท่านรู้ทันเรา จึงจับไม้วิ่งไล่ตีแล้วบังคับใส่ชุดนักเรียน เราก็ต้องร้องไห้จำใจไปโรงเรียน  ปัญญาของเราผู้เป็นลูกไม่มีทางเอาชนะท่านที่มีทั้งปัญญาทั้งเด็ดขาดได้เลย


                            พอมาถึงวันนี้  เวลาพิมพ์หนังสือหรืออ่านภาษาอังกฤษทีไร ใจจะคิดถึงความหวังดีของแม่ตอนวิ่งไล่ตีบังคับให้ไปโรงเรียนสมัยเป็นเด็กทุกครั้ง หากแม่ปล่อยตามใจไม่บังคับเคี่ยวเข็ญเราตั้งแต่ตอนนั้น คงไม่สำเร็จเนติบัณฑิตไทยและไม่มีความรู้ที่จำเป็นในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างเช่นวันนี้เป็นแน่  คำโบราณท่านจึงบอกว่าพระคุณพ่อและแม่นั้นล้ำค่าเหนือสิ่งอื่นใด ส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนบวชตั้งแต่เป็นหนุ่มมาได้ก็เพราะรักแม่มากกว่ารักผู้หญิงคนใดนั่นเอง


                             หากเรามีภาระมีครอบครัว จะเยี่ยมเยียนไปมาหาสู่ท่านไม่ได้บ่อยนัก เราก็กราบหมอนก่อนจะนอนแล้วระลึกคุณของท่าน  หากเราไม่ได้แต่งงานเราก็อธิษฐานเอาชีวิตที่ครองตัวเป็นโสดนี้ทดแทนพระคุณท่าน หากเราต้องอยู่ในคุกตะราง เราก็จะศึกษาธรรมะและตั้งใจว่าเมื่อออกไปแล้วจะประพฤติแต่สิ่งที่ดีงาม  หากเรากำลังแร้นแค้นหรือกำลังตกงาน จงไปรักษาศีลเพื่อตั้งหลักแล้วอธิษฐานว่าวันหนึ่งจะเลี้ยงพ่อและแม่ให้ได้ แม้จะเริ่มต้นด้วยความยากไร้เพียงใดก็ตาม


                            จงทำใจให้องอาจและเปี่ยมด้วยศรัทธา อย่าให้มีสิ่งใดมาเป็นกำแพงขวางกั้นระหว่างดวงใจของเรากับพ่อและแม่  หัวใจของท่านมีความรักต่อเราอย่างเที่ยงแท้อย่าได้ลังเลหรือสงสัย  หากวันนี้ยังไม่มีโอกาสตอบแทนคุณ ก็จงตั้งจิตแห่งความรู้คุณไว้ไม่นานโอกาสนั้นจะมาถึงสมดั่งใจ 

 

                           ดวงใจที่สำนึกรู้คุณคืออานุภาพอันยิ่งใหญ่อันจะนำมาซึ่งความสำเร็จและความสมหวังที่ชาวโลกปรารถนาทั้งปวง

 

 

                                                                                   คุรุอตีศะ
                                                                          ๑๑  สิงหาคม  ๒๕๕๙