ความมั่นใจในตนเอง

 ความมั่นใจในตนเอง

 

 

                   ผู้คนส่วนใหญ่แสวงหาทรัพย์สินเงินทอง วุฒิการศึกษา เกียรติยศตำแหน่ง และสิ่งอื่นๆ ก็เพื่อให้คนอื่นหรือสังคมยอมรับ ให้ผู้คนหรือสังคมมองว่าตัวเรามีค่า  เพื่อให้รู้สึกว่ามีความมั่นใจในตัวเอง


                   การแสวงหาความมั่นใจตัวเองด้วยวิธีนั้น จะได้รับผลให้เกิดความมั่นใจได้เช่นกัน แต่จะเป็นเพียงชั่วระยะหนึ่ง ไม่นานก็จะเริ่มหมดความมั่นใจในตัวเอง เมื่อมีคนอื่นรวยกว่า หรือมีอะไรเหนือกว่าตน


                   ในทางศาสนาท่านสอนว่า ความมั่นใจในตัวเองเกิดจากความมีศีล หมั่นบริจาคทานจนเป็นนิสัย จะทำให้ใจคลายจากความยึดติดและตระหนี่ถี่เหนียว หัวใจที่เริ่มเปิดกว้างและกล้าเสียสละ จะทำให้หัวใจมีพลังและองอาจ  จะทำให้เกิดสติปัญญาและความรู้ความสามารถ ไม่เคอะเขินเมื่อเข้าสู่สังคม


                    การเกิดช่องระหว่าระหว่างความคิดเห็นของคนที่อยู่ต่างยุคสมัย ทำให้คนสมัยปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าการรักษาศีล ประพฤติธรรม จะนำให้ชีวิตมีความมั่นคง ก้าวหน้า หรือทำให้เกิดความมั่นใจในตัวเอง  จึงพากันแสวงหาทรัพย์และอำนาจมากกว่าการแสวงบุญหรือการรักษาศีล ฟังธรรม


                    การสอนให้คนรักษาศีลไปตามประเพณีแบบ “สีลัพพตปรามาส” ก็เป็นสาเหตุหนึ่งให้ผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะชาวพุทธไม่เห็นประโยชน์หรือเห็นคุณค่าของการรักษาศีล  เพียงให้กล่าวคำสมาทานศีลพอเป็นพิธีโดยที่ไม่รู้ว่าทำไปทำไมแล้วก็ไปให้ความสำคัญกับสิ่งอื่น ก็ทำให้คนไม่เห็นค่าของศีลเช่นกัน


                    หากจะอธิบายถึงความสำคัญของการรักษาศีลโดยสังเขป ก็ต้องอธิบายว่า “การรักษาศีล ก็เพื่อความเป็นปกติร่มเย็นของตัวเราและครอบครัวของเราเอง” หลังจากนั้นความสงบสุขร่มเย็นก็จะแผ่ขยายออกไปสู่สังคม ประเทศชาติบ้านเมือง ตลอดทั้งโลกใบนี้ โดยไม่มีการแบ่งขีดขั้นว่าเป็นชนชาติใดๆ


                    การรักษาศีลด้วยความเข้าใจ มีโยนิโสมนสิการ (แปลว่า กระทำไว้ในใจโดยแยบคาย) จะทำให้ดวงจิตมีความอาจหาญ ไม่หวั่นเกรงต่ออุปสรรคต่างๆ  พลังแห่งศีลที่ตนรักษาจะทำให้มีอารมณ์ที่มั่นคง มีความหนักแน่น ทำให้เกิดสมาธิและปัญญาตามลำดับขึ้น  ผู้ที่มั่นคงในศีลประกอบด้วยโยนิโสมนสิการ จะมีอารมณ์ที่เยือกเย็น แต่จะไม่เป็นคนอวดเคร่งหรือยกตนข่มท่าน  เพราะรักษาศีลแบบมีปัญญากำกับ


                    คนที่มีนิสัยชอบบริจาคให้ทานจนเป็นนิสัย จะทำให้เป็นคนแจ่มใส มีความองอาจกล้าหาญในการเข้าสู่สมาคม หากบุคคลนั้นมีเจตนาในการรักษาศีลด้วย จะมีตบะเหนือคนพาล จะไม่ตกอยู่ในอำนาจของคนมียศมีตำแหน่ง ไม่สยบยอมอยู่ภายใต้คนมีอำนาจหรือคนร่ำรวยที่ไม่เห็นคุณค่าของศีลธรรมหรือที่เขาเป็นคนไม่มีศีล


                  หากบุรุษใดมีศีลเป็นหัวหน้าครอบครัว คนในครอบครัวก็จะให้ความเคารพยำเกรงในความดี โดยไม่ต้องใช้อำนาจหรือการบังคับแต่อย่างใด  หากสตรีใดมีศีล ก็จะเป็นที่เกรงใจของสามีและมีพลังแห่งความดีในการคุ้มครองดูแลครอบครัว หากทั้งคู่มีศีล เทวดาก็จะรักษาเสมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครอง


                   การเป็นผู้มีศีลนอกจากจะมีอานิสงส์มากมายตามที่กล่าวไว้ตามหลักศาสนา ยังมีอานิสงส์อื่นตามมาคือจะทำให้เป็นคนมีขวัญกำลังใจดี มีความมั่นใจในตนเองอย่างหนักแน่นลึกซึ้ง


                   ความมั่นใจในตนเองอันเกิดจากความเป็นผู้มีศีล จะไม่ต้องเอาหัวใจและชีวิตไปขึ้นอยู่กับวัตถุสิ่งของเงินทองภายนอก ไม่ต้องคอยดิ้นรนแสวงหา คอยแย่งชิง ผู้ที่มีศีลแม้จะดูยากจนในภายนอก แต่หัวใจจะยังมั่นคงและองอาจไม่ไหวหวั่น  แม้คนมีอำนาจหรือมีทรัพย์มากแค่ไหนก็ยังต้องเกรงกลัวและเกรงใจ


                   การรักษาศีลด้วยความมีโยนิโสมนสิการ จะทำให้เกิดความมั่นใจในตัวเอง ที่ไม่มีความคลอนแคลนแม้บางช่วงของชีวิตจะล้มเหลวหรือตกต่ำ  บางช่วงหากมีอันต้องเสวยวิบากกรรม หัวใจก็จะหวั่นไหวในกฎแห่งกรรม จะยังคงมั่นใจในกรรมดีที่ตนเองทำไว้เสมอ


                   คนมีศีลจะไม่เอาหัวใจหรือชีวิตไปขึ้นอยู่กับวัตถุเงินทองหรือเกียรติยศตำแหน่งอันเลิศเลอ แม้ชีวิตจะสมหวังหรือผิดหวัง ก็จะทำใจได้เสมอ จะมีแสงสว่างของชีวิตคอยสาดส่องตลอดทาง

 

                                                                              คุรุอตีศะ
                                                                    ๑๗  กรกฎาคม  ๒๕๕๙