ปฏิบัติธรรมในชีวิตจริง

 ปฏิบัติธรรมในชีวิตจริง

 

                     ในช่วงเวลานี้มักจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ทั่วโลก อังกฤษก็พยายามจะออกจากประชาคมยุโรปทั้งๆที่เป็นประเทศหลักในการก่อตั้งอียูมาก่อน  ในลาตินอเมริกา ประเทศใหญ่อย่างบราซิลและเวเนซูเอล่าก็ประสบกับปัญหาเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทั้งที่เวเนซูเอล่านั้นเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่ามีน้ำมันมากที่สุดในโลก แต่ตอนนี้กลับมีสภาพเหมือนกำลังจะเดินไปสู่ความล้มละลาย หากแก้ไขไม่ทันต่อเหตุการณ์


                     ในประเทศไทยก็มักมีเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความสลดใจเกิดขึ้นบ่อยๆ  บางคนนั้นอุตส่าห์เก็บเงินมาตั้งนานเพื่อจะได้ไปพักผ่อนที่เกาะช้าง ก็ต้องมาผจญกับเหตุการณ์โรงแรมถล่มแทบเอาชีวิตไม่รอด สิ่งเหล่านี้เริ่มมีให้เห็นบ่อยๆ  เสมือนหนึ่งจะเป็นสิ่งบอกเหตุว่าขอให้พากันรักษาศีล บำเพ็ญธรรมให้ยิ่งขึ้นไป


                     หากใครมีศรัทธาตั้งมั่นและสิ่งแวดล้อมอำนวยก็ควรหาโอกาสไปรักษาศีลที่วัด แม้ว่าในช่วงเวลานี้จะมีข่าวคราวในทางศาสนาที่บั่นทอนศรัทธา แต่ก็อย่าลืมว่าวัดวาอารามหรือพระสงฆ์องคเจ้าที่ดีงามที่ท่านรักษาพระธรรมวินัยและมุ่งดำรงพระศาสนายังมีอยู่  หมั่นใส่บาตรทำบุญค้ำจุนพระศาสนาและช่วยกันฟื้นฟู  ใครที่รู้ที่เข้าใจว่าพระที่แท้จริงหรือตัวศาสนาที่แท้คืออะไร ขอจงใส่บาตรใฝ่ในบุญกุศลอย่าร้างลา


                    ใครที่ชีวิตยังมีเหตุบางอย่างไม่อำนวยตอนนี้  ยังไปวัดไม่ได้หรือคนรอบข้างไม่สนับสนุนแม้ตัวเองอยากไปวัดสร้างกุศล  ขอจงหมั่นอดทนอธิษฐานจิตว่าขอให้ตัวข้าพเจ้านี้มีโอกาสใส่ชุดขาวไปรักษาศีลเหมือนคนอื่นได้ในวันหนึ่ง  แล้วอดทนทำหน้าที่ของเราไป อ่านธรรมะในนี้ไปก่อน อย่าท้อแท้ใจ ถึงจุดหนึ่งความตั้งใจที่ดีงามที่เราอธิษฐานตั้งจิตไว้ก็จะสำเร็จดั่งใจปอง


                    หากเราไม่อาจไปวัดได้เพราะมีเหตุขัดข้องแม้ใจมีศรัทธาเลื่อมใสแล้ว  จงหันมารู้จักการรักษาศีลอยู่ที่บ้าน แม้จะอยู่ท่ามกลางภาระหน้าที่ความรับผิดชอบและอาชีพการงานทั้งหลาย


                    เริ่มต้นจากการ “ตั้งใจวิรัติงดเว้นในสิ่งที่ไม่เป็นศีล” ตัวอย่างเช่น วันนี้ตื่นขึ้นมาเราเกิดศรัทธาอยากรักษาศีล แต่ก็ไปวัดไม่ได้  พอล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้ว เราก็ไปนั่งคุกเข่าหน้าหิ้งพระ แล้วสมาทานศีลด้วยตนเองว่าตั้งแต่ นโมตัสสะ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ เรื่อยไป จนถึงศีลข้อสุดท้าย เสร็จแล้วก้มลงกราบพระรัตนตรัยสามหน เท่านี้เราก็ได้ชื่อว่าเป็นคนรักษาศีลไปตลอดวันแล้ว


                   หากเราเป็นคนมีคู่ครอง แต่พอถึงวันพระเกิดศรัทธาอยากรักษาอุโบสถ  เราก็บอกคู่ครองของตนว่า “วันนี้ขออนุญาตรักษาศีลได้ไหม” หากเขาเต็มใจอนุญาต เราก็สมาทานศีลเป็นข้อๆเหมือนตอนไปวัดนั่นแหละ หากทำได้แล้วจะรู้สึกเป็นบุญและปลอดโปร่งใจ จะทำให้สามีภรรยามีความรักและเคารพกันยิ่งขึ้น เทวดาจะคุ้มครองรักษา ด้วยอานิสงส์แห่งการประพฤติธรรม


                    ส่วนใครที่โชคดีและมีวาสนา ที่สามีหรือภรรยาเต็มใจอนุญาตให้ไปรักษาศีลที่วัด  จงสำนึกและขอบคุณเขาให้มาก ที่เขาใจกว้างให้โอกาสซึ่งยากนักที่น้อยคนจะทำได้  การไปรักษาศีลที่วัดนอกจากจะได้ศีลบารมีแล้ว ยังเป็นเนกขัมมะบารมีเพราะมีโอกาสส่วนตัว มีอิสระในช่วงหนึ่งได้ทบทวนชีวิต และมีโอกาสได้อยู่ห่างกันบ้างที่เป็นการสร้างบารมี  เนกขัมมะนั้นจะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีจิตใจเข้มแข็ง เกิดความเคารพกันอย่างลึกซึ้ง และยังมีความเชื่อมั่นมีความไว้วางใจต่อกันโดยไม่รู้ตัว


                  หากใครไม่สามารถมีโอกาสทำเช่นนั้นได้ ลองเอาวิธีการของ “บุรุษผู้หนึ่ง” ไปใช้ดูก็ได้  มีบุรุษผู้หนึ่งสมัยหลายสิบปีมาแล้วเขายังต้องโหนรถเมล์ไปเรียนที่สำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา แต่พอถึงวันพระเขาก็ตื่นขึ้นมาตีสี่ ล้างหน้าอาบน้ำ แล้วสวดมนต์นั่งสมาธิหนึ่งชั่วโมงแล้วสมาทานศีลแบบที่ว่ามา แล้วก็โหนรถเมล์หอบตำรากฎหมายไปเรียนโดยไม่บอกแม่หรือบอกใครว่าวันนี้ตนเองตั้งใจรักษาอุโบสถ


                   พอนั่งรถเมล์ เบาะข้างๆมีสตรีเข้ามานั่งด้วย  เขาก็ใช้วิธีเอาหนังสือวางกั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวของเขาไปถูกสตรีผู้นั้นได้  บางทีก็ลุกขึ้นให้สตรีนั่งแทนที่ตัวเองแล้วมีคนอื่นมานั่ง  แต่สตรีบางคนนั้นก็มีน้ำใจ พอนั่งแล้วเธอเหลือบตามองเห็นเขาหอบตำรากฎหมายจนไหล่เอียงเธอก็ขอรับหนังสือไปถือไว้ให้ เขากล่าวคำขอบคุณแล้วก็ถอยไปยืนให้ห่างพอควร พอถึงป้ายเธอขยับตัวเหมือนเตรียมจะลง เขาก็รีบเดินไปรับหนังสือไว้  พร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยท่าทีที่สุภาพไม่สบตาเธอ แล้วก็ต่างคนต่างไปตามวิถีของตัวเอง


                     การทำอย่างนี้จะทำให้รักษาศีลได้บริสุทธิ์แม้อยู่ท่ามกลางชีวิตฆราวาส  นอกจากนั้นยังเป็นการ “สำรวมอินทรีย์” แม้ว่าจะไม่โกนหัวห่มผ้าเหลือง วิธีที่เล่ามานี้สำหรับคนโสด  แต่สำหรับผู้ที่มีคู่ครองก็ต้องประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับกาลเทศะอันควร  การรักษาศีลอย่างมีสติอันแยบคายหรือการทำเช่นนี้ได้ จะทำให้ไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรคขวางกั้นการรักษาศีลและการปฏิบัติธรรมของเรา


                     การรักษาศีลนั้น สิ่งสำคัญคือ “เจตนาวิรัติ” แม้แต่การรักษาศีลห้า ในศีลข้อที่สามเราก็สามารถรักษาด้วยความมีสติอันแยบคายได้  เพียงเรามีเจตนางดเว้นจากการพูดคุยคลุกคลีกับเพศตรงกันข้ามที่จะทำให้เกิดความไขว้เขวแม้จะเป็นทางสื่อออนไลน์

 
                    การทำเช่นนี้ได้ กำลังสติของเราจะเข้มแข็ง  ศีลบารมีจะยิ่งหนุนส่งให้การเจริญสติสมาธิภาวนาของเรามีความก้าวหน้า  ดวงจิตจะดำเนินไปบนเส้นทางแห่งอริยมรรค  ชีวิตจะพบความสงบสุขอันประเสริฐอย่างแน่นอน

 

                                                                                   คุรุอตีศะ
                                                                         ๖  มิถุนายน  ๒๕๕๙