ปรารภธรรม:ชีวิตไม่มีการรอคอย

ชีวิตไม่มีการรอคอย

 

 

                    การปล่อยวันเวลาในแต่ละวันให้ผ่านไปด้วยการรอคอย คือความทุกข์ทรมานประการหนึ่ง ผู้คนจำนวนมากต่างฝากชีวิตไว้กับการรอคอยอนาคต หรือรอคอยวันพรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า หรืออีกหลายปีข้างหน้าว่าสิ่งที่ตัวเองหวังไว้จะกลายเป็นความจริง


                    บางคนรอคอยว่าเมื่อไหร่ความรักจะสมหวัง บางคนรอคอยว่าเมื่อไหร่จะรวย บางคนรอคอยว่าเมื่อไหร่ความเจ็บป่วยที่กำลังเป็นอยู่จะหายไป บางคนรอคอยว่าเมื่อไหร่ลูกจะเรียนจบ บางคนรอคอยว่าเมื่อไหร่จะพบเนื้อคู่หรือได้แต่งงาน บางคนเฝ้าแต่รอวันว่าเมื่อไหร่หนอตนจะได้บรรลุธรรม


                    คนเรานั้นมักมีความพอใจในความทุกข์โดยไม่รู้ตัว และการรอคอยสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็เป็นอาหารจานวิเศษที่ผู้คนชอบรับประทานทั้งที่ทานแล้วต้องท้องเสียทุกวัน


                    การรอคอยแม้จะเป็นความทรมาน แต่ก็เป็นความสุขและความพอใจอยู่ลึกๆสำหรับบางคน ดังนั้น นิยายโรแมนติคทุกเรื่อง ผู้ประพันธ์จึงต้องให้นางเอกรอคอยพระเอก แล้วก็นั่งคร่ำครวญน้ำตาไหลริน เพราะการรอคอยคือความสุขอย่างหนึ่งของคนที่ไม่ต้องลำบากไปทำงานแบกหามเพื่อจะหาข้าวสารมาหุงเพื่อต่อชีวิตในวันรุ่งขึ้น ส่วนคนกำลังถือถังปูนหรือทำงานกลางแจ้งเหงื่อไหลไคลย้อยมักจะไม่มีการรอคอยสิ่งใด


                    คนที่มีชีวิตเต็มไปด้วยการรอคอย ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่ได้ไปทำงานแบกหามหรือใช้แรงกายในการทำการงาน ดังนั้นจิตจึงมักส่งไปในอดีตหรือเพ้อฝันรอคอยอนาคต เพราะว่าร่างกายสบายมากเกินไป กายและจิตไม่เกิดความสมดุล จิตจึงล่องลอยไม่มีสมาธิ ชีวิตจึงไม่มีความสุข


                   คนที่มีชีวิตอยู่กับการรอคอย ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการไม่มีอะไรจะทำหรือปล่อยชีวิตให้จมอยู่กับความอ่อนแอ เป็นความห่วงหาอาวรณ์ที่ไม่ใช่ความรักความเมตตา แต่คือกามฉันทะนิวรณ์ ซึ่งคอยขวางกั้นจิตไม่ให้คิดกระทำบำเพ็ญคุณงามงามความดี จัดเป็นมารชนิดหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อจิตในขณะนั้น จงมีสติระลึกรู้ และถ้าหากบุคคลนั้นไม่มีข้าวจะหุงแล้วต้องไปทำงานก่อสร้างในวันพรุ่งนี้ การรอคอยทั้งปวงของเขาจะสิ้นสุดลงทันที


                   การภาวนาทั้งปวง ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายได้มอบไว้ให้เป็นมรดกของมนุษยชาติ ก็คือการบอกเคล็ดลับในการใช้ชีวิตให้มีความสุข โดยไม่ต้องไปรอคอยสิ่งใดให้ใจต้องมีความทุกข์ทรมานโดยเปล่าประโยชน์เช่นนั้น เพราะแม้ไม่มีการรอคอย หากถึงเวลาสิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นเอง


                    หากนางเอกผู้น่าสงสารไม่มัวเอาแต่นั่งร้องไห้รอให้พระเอกกลับมา แต่ไปหาอะไรทำด้วยการบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือคนอื่นหรืออุทิศตนทำการกุศลแก่ศาสนาหรือสังคม ชีวิตของนางเอกก็จะเข้มแข็งและสดใสขึ้น ละครก็จะไม่ต้องเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม บางทีอาจเกิดปาฏิหาริย์พระเอกได้มายืนที่หน้าประตูบ้านอย่างเหนือความคาดหมายโดยไม่ต้องมีการรอคอย


                    การใช้ชีวิตที่เป็นไปด้วยการบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา ก็คือการใช้ชีวิตให้มีความสุขอยู่กับวันนี้ด้วยบุญกุศลที่ไม่ต้องหวังพึ่งอนาคตหรือรอคอยสิ่งใด


                    การหมั่นภาวนาให้จิตอยู่กับปัจจุบัน นั่นแหละคือพลังอันวิเศษที่จะให้ชีวิตมีความสมหวังอยู่เสมอ โดยไม่ต้องไปฝากหัวใจ ฝากชีวิตหรือฝากความสุขไว้กับใครอีก


                    บุคคลที่ใช้ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมด้วยการตระหนักรู้ในแต่ละขณะที่เป็นไป จะไม่รู้สึกว่าต้องรอคอยสิ่งใดให้เกิดความทุกข์ทรมาน เพราะเขาได้อยู่กับชีวิตที่แท้จริงขณะนี้ทุกเวลานาที


                     จงปฏิวัติตัวเองครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการไม่รอคอยสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว เราจะไม่เอาหัวใจไปฝากไว้กับใครนอกจากกายและใจอันวิเศษที่พ่อและแม่ให้มานี้


                     เรามักเอาแต่คิดถึงคนอื่น เอาหัวใจไปอยู่แต่กับคนอื่น แต่ไม่เคยคิดถึงพ่อและแม่ผู้ให้ชีวิตเรามาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย โดยท่านไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราแม้แต่เม็ดทราย แต่เรากลับไปทุ่มเททั้งหัวใจทั้งร่างกายให้แก่ใครก็ไม่ทราบที่มาเจอกันก็ตอนโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว


                     ชีวิตที่แท้จริงไม่มีการรอคอย เพราะชีวิตคือความจริงในขณะนี้และวันนี้ การรอคอยคือการเอาจิตใจและชีวิตของเราในวันนี้ไปฝากไว้กับอนาคตซึ่งไม่มีอยู่จริง จงหมั่นภาวนาให้มากขึ้น ชีวิตจะได้สัมผัสกับความเป็นปัจจุบันในขณะนี้

 

                     อานิสงส์ของการภาวนาจะทำให้การรอคอยเริ่มหายไป การเจริญภาวนาจะทำให้หัวใจดวงนี้ได้พบกับชีวิตใหม่ ที่มีความสุขโดยไม่ต้องรอคอยสิ่งใด และนั่นแหละคือชีวิตที่แท้จริงของเรา

 

                                                                              คุรุอตีศะ
                                                                       ๑๑ มกราคม ๒๕๕๘