ปรารภธรรม:วันที่ฟ้าเปลี่ยนสี

วันที่ฟ้าเปลี่ยนสี

 

 

 

                     จากแต่ก่อนท้องฟ้าเป็นสีชมพู มองไปทางไหนก็มีแต่ความสดใสเบิกบาน เมื่อถึงเวลาหนึ่งท้องฟ้าได้เปลี่ยนเป็นสีเขียว หลายสิ่งหลายอย่างอาจไม่ถูกอกถูกใจหรือเป็นไปตามความต้องการ ชีวิตก็ต้องเกิดการเปลี่ยนผ่าน ต้องกล้ายอมรับความจริงทั้งความสมหวังและความผิดหวังดุจธรรมชาติของสีเขียวแห่งใบไม้


                    ชีวิตของผู้คนมากหน้าหลายตาก็เปลี่ยนไปจากเดิม จากแต่ก่อนทำอะไรก็ได้ลาภผลเต็มไม้เต็มมือ มาตอนนี้ทำอะไรก็มีแต่ลดไม่มีเพิ่ม ทุกสิ่งเริ่มไม่เหมือนเดิม สมกับคำสอนของพระศาสดาที่ทรงสอนให้ตระหนักถึงความไม่จีรังของสรรพสิ่งทั้งหลายตลอดมา


                    ในยามนี้สิ่งที่พึงปฏิบัติ เมื่อต้องเผชิญกับโลกสีเขียวคือความเป็นจริงของชีวิต ขอจงหันมาใช้ชีวิตอย่างเจียมตัวและเรียบง่ายให้มากขึ้น อย่าเอาชีวิตในความเป็นจริงในปัจจุบัน ไปเปรียบเทียบกับความสุขในอดีต จะทำให้หัวใจเกิดความหมองเศร้า จากแต่ก่อนเคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ก็จงกล้าลดเกรดของชีวิตจากเกรดเอเป็นเกรดบีดูบ้าง อาจพบความสุขและเบาสบายที่ไม่อาจบอกใคร อาจโชคดีได้พบกับความสงบใจที่เราเคยแสวงหามานาน


                    อย่าอับอายที่จะใช้ชีวิตอย่างเจียมตัวกว่าแต่ก่อน สิ่งที่ควรละอายคือการทำชั่วทำบาปที่จะทำให้ชีวิตของเราพบกับความหมองเศร้าต่างหาก แม้เราอาจจะยากจนลง แต่ก็อย่าทิ้งหิริโอตตัปปะและศีลธรรมประจำใจ เมื่อความทุกข์ยากและมรสุมของชีวิตผ่านพ้นไป ฟ้าหลังพายุฝนย่อมสะอาดสดใสและงดงามตายิ่งนัก


                    หากเป็นผู้มีสัมมาทิฐิ มีหิริโอตตัปปะและใฝ่ดีเป็นพื้นนิสัยมาแต่เก่าก่อน ในยามนี้คือช่วงเวลาที่คำทำนายโบราณท่านบอกให้หมั่นบำเพ็ญรักษาศีล หมั่นบริจาคทำบุญอย่าเอาแต่สะสมเงินทองด้วยความตระหนี่ตามหลักเศรษฐศาสตร์มากเกินไป ขอให้หันมาสนใจหลักวิชาจิตวิญญาณศาสตร์ แล้วจะผ่านพ้นอันตรายและความทุกข์ยาก เข้าสู่ยุคใหม่ที่ใกล้เข้ามา


                    ผู้ที่เป็นคนดีขยันทำมาหากินไม่คิดเบียดเบียนใคร ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจแก่การงานอาชีพและรับภาระดูแลช่วยเหลือคนอื่นมาตลอด วันที่ฟ้าเปลี่ยนสีจะทำให้ตระหนักว่าการทำความดีเพียงแค่ครอบครัวหรือพี่น้องตัวเองเท่านั้นเริ่มจะไปไม่ไหว


                    ฟ้าและดินตักเตือนว่า อย่าเอาชีวิตทั้งชีวิตทำความดีเพียงแค่ระดับพื้นๆและแคบๆเท่านั้นอีกต่อไป แต่จงเริ่มต้นสร้างบารมีให้สมกับที่ตั้งใจ มิฉะนั้นจะรู้สึกว่าชีวิตเหมือนเป็นโมฆะเหมือนไม่ได้อะไร เพราะเหตุว่ายังไม่เริ่มตั้งต้นสร้างบารมีตามที่จิตใต้สำนึกคอยย้ำเตือน


                    ถึงเวลาที่คนเคยมีบารมีเก่ามาแต่เดิม ต้องหันมาตระหนักถึงคุณค่าของศาสนา หากยังดื้อรั้นทะเยอทะยานต่อไป จะถูกฟ้าดินลงโทษให้พบกับความล้มเหลว เกิดความผิดหวังหรือการป่วยไข้ หากยังดูหมิ่นศาสนาหรือศีลธรรม ก็จะเจอแต่ปัญหาชีวิตและความทุกข์ความบีบคั้นทางจิตใจ จนกว่าจะละพยศการถือดีและละทิฐิมานะ เกิดความอ่อนน้อมอ่อนโยนทางจิตใจ มรสุมของชีวิตที่มีอยู่อย่างมากมาย ก็จะคลี่คลายเพราะหัวใจเกิดจิตสำนึกที่ดีงาม


                    วันที่ฟ้าเปลี่ยนสี คือวันที่ผู้คนต้องอยู่อย่างเจียมตนกว่าแต่ก่อน ประเทศชาติและบ้านเมืองต่อไปนี้จะไม่มีวันหวนกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว จงใช้วิชา “ยากจนอย่างเต็มใจ” เพื่อประคองตนจนกว่าจะพ้นวิกฤตการณ์ จนกว่าจะผ่านเข้าสู่ยุคสมัยที่เราทั้งหลายยังไม่มีใครรู้จักหรือคุ้นเคย


                   จงทำตนเหมือนกบจำศีลเพื่อรอวันฤดูฝนมาเยือนใหม่ จงรักษากำลังใจจนกว่าจะผ่านฤดูแล้งแม้จะอบอ้าวสักแค่ไหน เมื่อท้องฟ้าเป็นสีเขียวก็แสดงว่าเราต้องอยู่กับความจริงไม่ใช่ความโรแมนติคอีกต่อไป และไม่ว่าท้องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีอะไร เราก็จะอยู่กับโลกใบนี้ต่อไป ด้วยความมีสติที่รู้ตื่นเบิกบานซึ่งเป็นเพื่อนแท้ของเราตลอดมา

 

 

                                                                                คุรุอตีศะ
                                                                         ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗